“หมอเอก” เสนอสภา เพิ่ม ‘งบ สธ.’ แสนล้าน! ทุ่มเงินผลิตวัคซีนโควิด-19

“เอกภพ เพียรวิเศษ” พรรคก้าวไกล อัดรัฐบาล ตั้งการ์ดอย่างเดียว ระวังจะโดนน็อค เสนอเพิ่มงบด้านสาธารณสุขเป็นแสนล้าน แนะทุ่ม 6 หมื่นล้าน ผลิตวัคซีนเพื่อทุกคน

วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนเริ่มการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 3 ฉบับ เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด – 19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท

โดยเมื่อเวลา 11.15 น. นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การต่อสู้กับโควิด -19 เราจะตั้งการ์อย่างเดียวไม่ได้ เพราะสุดท้ายเราอาจจะโดนถลุงถึงยก 12 แล้วเพื่อรอหมัดน็อกจากวัคซีน สุดท้ายเราอาจจะแพ้ งบประมาณด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านที่นำมาใช้แก้ปัญหาโควิด เท่ากับงบลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขถึง 4 ปี

แต่ถ้าเทียบกับเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทแล้ว คิดเป็นเพียง 4.5% ส่วนรายละเอียดที่เขียนมามีแค่ 5 บรรทัด ใช้ใน 5 ส่วน เช่น ค่าตอบแทนค่าเสี่ยงภัย ค่าจัดหาเวชภัณฑ์รวมถึงวัคซีน เงินวิจัยและกันไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น ที่สำคัญคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้นั้น ไม่มีคนที่มีความรู้ด้านสาธารณสุขอยู่นั้นเลย และไม่มีตัวแทนจากประชาชน

นี่เป็นเงินกู้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทำไมไม่ให้ประชาชนและผู้แทนประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ส่วนการรับมือการปิดเมืองหรือล็อกดาวน์จำเป็นต้องมาพร้อมกับศักยภาพของสาธารณุข เพื่อรับมือกับจำนวนคนไข้ที่อาจเพิ่มขึ้น

และต้องมีการวางแผนให้กิจกรรมทางธุรกิจ สามารถเปิดได้อีกครั้ง และเมื่อมีการระบาดมากขึ้น ต้องมีความสามารถปิดเมืองได้อย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่การยืนหลังพิงเชือกตั้งการ์ดรอวันโดนน็อก แต่ต้องเป็นการตั้งการ์ดเพื่อรอวันออกหมัดสวน ดังนั้นการมีจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้นอย่างที่สาธารณสุขรับมือไหว ไม่ถือว่ามีความผิดปกติ

นพ.เอกภพ อภิปรายว่า ในฐานะที่ตนก็เป็นบุคลากรทางการแพทย์ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทาการแพทย์ อย่าให้แพทย์และพยาบาลใช้หน้ากากอนามัยอย่างเพียง 1 ชิ้นต่อวันอีกต่อไป หรือใช้ชุดพีพีอีได้เพียง 1 ชุดโดยไม่สามารถถอดชุดไปเข้าห้องน้ำได้ อย่าปล่อยให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งหาอุปกาณ์ทางการแพทย์เอง

อย่าปล่อยให้ อสม.หาหน้ากากผ้าหรือเจลแอลกอฮอล์เอง รัฐบาลไม่ควรฉลองชัยชนะบนหยาดเหงื่อของบุคลากรทางการแพทย์ และคราบน้ำตาของประชาชน อย่าปล่อยให้เขาสู้อย่างเดียวดาย ดังนั้นเราขอเสนอให้ปรับเงินกู้ด้านสาธารณสุขจาก 4.5 หมื่นล้านเป็น 1 แสนล้านบาท โดยขอให้ใช้งบ 6.7 หมื่นล้านบาทเพื่อการผลิตวัคซีนสำหรับทุกคน

และ อีก 3.3 หมื่นล้านบาท สำหรับอุปกรณ์และสวัสดิการบุคลากร เพื่อให้เป็นการต่อสู้ที่ทุกคนมาร่วมมือกัน เมื่อถึงวันที่เราประกาศชัยชนะแล้วจะเป็นของเราทุกคน ไม่ใช่ชัยชนะบนซากปรักหักพังเศรษฐกิจและประชาชน