“สหรัฐฯ-จีน” เปิดศึกปมฮ่องกงกลางเวที ‘ยูเอ็นเอสซี’

วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหรัฐฯและจีนได้เปิดหน้าชนกันต่อประเด็นสถานการณ์ในฮ่องกงกลางในที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ หลังจากที่รัฐบาลจีนไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯยื่นญัตติเข้าที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง (ยูเอสเอสซี) เพื่อหารือต่อประเด็นฮ่องกงหลังจากที่สภาประชาชนจีนผลักดันกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เพื่อใช้ควบคุมฮ่องกงให้หนักขึ้นเพื่อตอบโต้การลุกฮือต่อต้านรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผยของชาวฮ่องกงที่รวมตัวประท้วงตั้งแต่มิถุนายนปีที่แล้ว และเกิดการรวมตัวประท้วงอีกครั้งหลังจากมีการผลักดันกฎหมายดังกล่าว รวมถึงเมื่อวานนี้ที่มีการชุมนุมคัดค้านสภานิติบัญญัติที่จะพิจารณากฎหมายเพลงชาติจีนเพื่อจัดการคนดูหมิ่นเพลงชาติจีน

โดยทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็นกล่าวในแถลงการณ์ว่า ประเด็นฮ่องกงเป็นปัญหาน่ากังวลอย่างเร่งด่วนระดับโลกซึ่งส่งผลต่อสันติภาพและความมั่นคง จึงขอเสนอเพื่อให้ 15 ชาติสมาชิกให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม จาง จุน ทูตจีนประจำยูเอ็นได้ออกมาตอบโต้ผ่านทวิตเตอร์ว่า ขอปฏิเสธคำร้องขอที่ไม่มีมูลความจริงอย่างเด็ดขาด เพราะกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีนต่อฮ่องกงเป็นเรื่องภายในและไม่มีความเกี่ยวข้องต่อข้อปฏิบัติของยูเอ็นเอสซี

คำร้องของสหรัฐฯครั้งนี้ เป็นความต่อเนื่องหลังเกิดความตึงเครียดระหว่างสองรัฐบาลชาติมหาอำนาจจากกรณีการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส โดยรัฐบาลสหรัฐฯตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่จีนออกมาปกปิดข้อมูลการระบาดช่วงแรกที่เกิดขึ้นในเมืองอู่ฮั่น แม้จีนจะออกมาชี้แจงว่าการรับมือการระบาดมีความโปร่งใส

สหรัฐฯยังกล่าวว่าท่าทีปฏิปักษ์ของจีนต่อเวทียูเอ็นเอสซีในเรื่องฮ่องกงมาคู่กับประเด็นการปกปิดและความไร้สามารถในการรับมือการระบาดของโควิด-19 ถือเป็นการละเมิดต่อความแน่วแน่ในสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และยังรวมถึงพฤติกรรมละเมิดกฎหมายในกรณีพิพาททะเลจีนใต้ จึงเห็นได้ทั้งหมดนี้ จีนไม่ปฏิบัติตัวให้สมกับเป็นชาติสมาชิกยูเอ็นที่มีความรับผิดชอบ

จากนั้นทูตจางได้ออกมาตอบโต้ว่า ความจริงที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่า สหรัฐฯเป็นตัวก่อปัญหากับโลก และเป็นสหรัฐฯเองที่ละเมิดข้อปฏิบัติภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ จีนจึงขอเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดแสดงอำนาจทางการเมืองและการกลั่นแกล้งทันที

ทั้งนี้ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวกับสภาคองเกรสวานนี้ว่า ฮ่องกงจะไม่ได้มีคุณสมบัติในการได้รับสถานะพิเศษภายใต้กฎหมายสหรัฐฯเนื่องจากจีนกำลังบั่นทอนหลักปกครองตนเองของฮ่องกง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินโลก