“ญี่ปุ่น-อียู” จับมือหนุนตั้งทีมสืบสวนอิสระ สอบปมรับมือโควิด-19 ของอนามัยโลก

วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์เจแปนไทม์สรายงานว่า ผู้นำญี่ปุ่นและชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) สนับสนุนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอิสระ เพื่อสืบสวนกรณีการรับมือขององค์การอนามัยโลกต่อการระบาดของโควิด-19 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในความล่าช้าและไม่โปร่งใส และจำเป็นในการเดินหน้าปฏิรูปองค์กรระหว่างประเทศ

โดยการประชุมสุดยอดผู้นำทางออนไลน์ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี, ชาร์ลส มิเชล ประธานสภายุโรปและเออร์ซูล่า วอน เดอ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า พวกเขา(องค์การอนามัยโลก) ไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ ในการหยุดยั้งการระบาดใหญ่ แต่วิธีการหลายส่วนที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับไวรัส

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า ในประเด็นคณะกรรมสอบสวนอิสระ เหล่าผู้นำต่างเรียกร้องให้มีการปรับปรุงองค์กรและหน่วยงานในกำกับขององค์การอนามัยโลก เพื่อการรับมือระดับโลกต่อการระบาดใหญ่ในอนาคต

ในแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่หลังการประชุมระบุว่า ผู้นำยอมรับว่า ความร่วมแรงร่วมใจระดับโลก ความร่วมมือและพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้นกว่าที่เคยเพื่อเอาชนะไวรัสและเพื่อให้แน่ใจว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ไม่เพียงเท่านี้ ผู้นำญี่ปุ่นและอียูเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันทั่วโลกในการพัฒนายารักษาและวัคซีนและทำให้พวกเขาสามารถใช้งานได้และมีราคาไม่แพงสำหรับทุกคนโดยกล่าวว่า ในอนาคต วัคซีน COVID-19 ควรเป็นสิ่งจำเป็นร่วมกันต่อโลก

ส่วนประเด็นหารือทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งห้ามเดินทางและห่วงโซ่อุปทานปั่นป่วนจากการระบาดของไวรัสจนเศรษฐกิจโลกกระเทือนนั้น ญี่ปุ่นและอียู ต้องส่งเสริมความร่วมมืออย่างเข้มแข็งในช่วงนี้ โดยเหล่าผู้นำตั้งใจจัดตั้งหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ญี่ปุ่น-อียู ให้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลของการระบาด อาเบะและผู้นำอียูยังเห็นชอบในการทำงานร่วมมือเพื่อบรรลุผลในการประชุมสุดยอดผู้นำ จี7 ที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ อาเบะกล่าวว่า ยังมีแผนเสนอที่ประชุมในการจัดตั้งระบบการจัดการสิทธิบัตรแบบรวมกับยาที่ใช้รักษาโคโรน่าไวรัส

ทั้งนี้ อนามัยโลกต้องตกเป็นเป้าในการวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า องค์การอนามัยโลกวางจุดยืนเข้าข้างจีนในการรับมือกับโควิด-19 จนทำให้หลายประเทศเตรียมการรับมือไม่ทัน โดยสัปดาห์ที่แล้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯขู่ว่าจะถอนตัวออกจากสมาชิกองค์การอนามัยโลกยกเว้นจะยอมรับการปฏิรูปใหญ่ภายใน 30 วัน