สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง แสดงจุดยืนเป็นครั้งแรกสนับสนุนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาและบังคับใช้ในฮ่องกง โดยระบุว่ากฎหมายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง และขอให้ชาวฮ่องกงรอพิจารณารายละเอียดของกฎหมายดังกล่าวก่อนที่จะต่อต้าน

โดยนางลัมกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ระบุว่า “ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องกังวล ในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนกังวลเกี่ยวกับเสรีภาพของชาวฮ่องกงในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก รวมถึงการประท้วงครั้งแล้วครั้งเล่า ฮ่องกงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถส่งเสริมรักษาคุณค่าเหล่านี้ไว้ได้” นางลัมยังเน้นย้ำว่า “สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้เห็นกฎหมายดังกล่าวตรงหน้าเรา และทำความเข้าใจว่าทำไมในเวลานี้ฮ่องกงต้องมีกฎหมายฉบับนี้ เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในฮ่องกง”

ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งได้เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กำลังพิจารณากฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับบังคับใช้ในฮ่องกง โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับ “ความพยายามแยกตัว การโค่นล้มการปกครอง การก่อการร้าย และการแทรกแซงจากต่างชาติ” โดยอาจมีการจัดตั้งหน่วยข่าวกรองของจีนในฮ่องกง “เป้าหมายมีเพียงผู้กระทำผิดเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่มันจะปกป้องคนส่วนใหญ่ที่เคารพกฎหมายและพลเมืองผู้รักสันติ” นางลัมกล่าว

อย่างไรก็ตาม กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติยังจะต้องผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติของฮ่องกงก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ แต่กฎหมายดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับชาวฮ่องกง รวมถึงสร้างความกังวลให้กับนักธุรกิจและนานาชาติทั้ง สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร แคนาดา และไต้หวัน ที่เกรงว่ากฎหมายฉบับนี้จะส่งผลกระทบต่อเสรีภาพของฮ่องกง รวมทั้งเป็นจุดสิ้นสุดการมีอำนาจในการพิจารณาและบัญญัติกฎหมายของตนเอง

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีชาวฮ่องกงออกมาประท้วงต่อต้านกฎหมายดังกล่าวจำนวนหลายพันคน ส่งผลให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ และมีผู้ถูกจับกุมตัวเกือบ 200 คน คาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะนัดรวมตัวกันประท้วงอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ซึ่งนับเป็นการชุมนุมใหญ่ครั้งแรกหลังจากการชุมนุมต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนในปีที่ผ่านมา ที่คณะผู้บริหารของฮ่องกงต้องยินยอมถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากการพิจารณาไปในที่สุด