เผยมีวัคซีนจีนตัวใหม่ทดลองในคนเข้าสู่ระยะ 2

รายงานในวารสารวิชาการทางการแพทย์ แลนเซท เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมระบุว่า วัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ (MRNA) เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท แคนซิโน ไบโอโลจิค ผู้ผลิตยาจากประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการทดลองในคนระยะแรก และกำลังเตรียมการทดลองในคนระยะที่ 2 อยู่ในเวลานี้ ถือเป็นหนึ่งในสูตรวัคซีนไม่กี่รายที่เข้าสู่การทดลองระยะที่ 2 ในเวลานี้ ที่รวมถึงวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา วัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และวัคซีนของบริษท ซิโนแวค เป็นต้น

วัคซีนตัวนี้เรียกว่า “เอดี5-เอ็นโคฟ” (Ad5-nCoV) ประสบความสำเร็จในการทดลองในคน เพื่อดูว่ากระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันเชื้่อก่อโรคโควิด-19 ได้หรือไม่ โดยวัดจากปริมาณของ ที-เซลล์ (เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง) และปริมาณของแอนติบอดีในร่างกายกลุ่มตัวอย่าง

เว่ย เฉิน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพปักกิ่งระบุว่าวัคซีนตัวนี้ 1 โดส สามารถสร้างแอนติบอดีจำเพาะและทีเซลล์ที่ต้องการขึ้นได้ภายใน 14 วัน ทำให้มีศักยภาพเพียงพอต่อการค้นคว้าทดลองต่อไป แต่ยังมีข้อชวนวิตกและปัญหาที่ต้องแก้ไขเกิดขึ้นให้เห็นอยู่ด้วย

การให้วัคซีนเข้มข้นระดับ 3 โดส ต่อกลุ่มตัวอย่าง แสดงให้เห็นว่า วัคซีนนี้ก่อให้เกิดผลข้างเคียง กล่าวคือส่วนใหญ่ของกลุ่มตัวอย่างจะเกิดอาการไข้ ปวดหัวและปวดเมื่อยเนื้อตัวขึ้นตามมา พร้อมกันนั้นก็ยังขาดความคงที่ในการก่อให้เกิดที-เซลล์และแอนติบอดีที่ต้องการ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขต่อไป เพราะแสดงให้เห็นว่า ผู้รับวัคซีนอาจมีภูมิคุ้มกันในเวลาจำกัด จนอาจต้องได้รับการฉีดรอบ 2 และในเวลาเดียวกันก็ส่อให้เห็นว่าวัคซีนนี้อาจได้ผลเฉพาะในบางกลุ่มอายุเท่านั้น