437ร.ร.กทม.พร้อม ‘เรียน-สอน’ ออนไลน์ ย้ำผู้ปกครองไม่มีมือถือ คอมพิวเตอร์ ส่งครูดูแลถึงบ้าน

437ร.ร.กทม.พร้อม ‘เรียน-สอน’ ออนไลน์ ย้ำผู้ปกครองไม่มีมือถือ คอมพิวเตอร์ ส่งครูดูแลถึงบ้าน

โรงเรียน กทม.- เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังนำคณะผู็บริหาร กทม.ตรวจเยี่ยมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ เนื่องในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ณ โรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ และโรงเรียนบ้านบางกะปิ เขตบางกะปิ ว่า จากการตรวจเยี่ยมโรงเรียนดังกล่าว พบว่ามีความพร้อม 100% สำหรับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ทั้งในส่วนของอุปกรณ์ เครื่องมือ และครูผู้สอน สำหรับภาพรวมความพร้อมสำหรับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ของโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 437 แห่ง มีความพร้อมประมาณร้อยละ 70-80 ส่วนที่ยังไม่พร้อมจะเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง บางแห่งมีปัญหาเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ต หรือเด็กนักเรียนมีฐานะยากจน เป็นต้น สำนักการศึกษาได้ทราบถึงปัญหาดังกล่าว จึงเตรียมการจัดการเรียนรู้ให้ครอบคลุมนักเรียนทุกคน ทั้งกลุ่มที่มีความพร้อมในการเรียนออนไลน์และกลุ่มที่ไม่พร้อมเรียนออนไลน์

“โดยผ่านช่องทางการเรียนรู้ 4 ช่องทาง (4 on) คือ 1.Online โดยการสอนสดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งครูสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนได้ โดยใช้ Application ต่าง ๆ เช่น Microsoft Team, Google Classroom, Zoom, Facebook live เป็นต้น โดยจะมีตารางเรียนออนไลน์ที่โรงเรียนจัดไว้และแจ้งให้นักเรียนทราบ ส่วนการเรียนนอกตารางเรียนครูจะจัดหาสื่อออนไลน์ เช่น คลิปวิติโอต่างๆ ตารางสอน DL TV เป็นต้น เพื่อให้นักเรียนใช้เรียนรู้ด้วยตนเองและสามารถททวนบทเรียนได้ตลอดเวลา 2.On air โดยใช้สื่อ DL TV ภายใต้คำแนะนำและการติดตามดูแลของครู 3.On hand โดยการจัดส่งเอกสารต่าง ๆ ให้แก่ผู้เรียน เช่น คู่มือการเรียนรู้ด้วยตนเอง หนังสือเรียน ใบงาน แบบฝึกหัด เป็นต้น โดยครูจะจัดทำให้เข้าใจง่าย มีคู่มือแนะนำว่าผู้เรียนและผู้ปดรองต้องทำอะไรบ้าง 4.On site จัดกลุ่มผู้เรียนขนาดเล็กที่โรงเรียน ภายใต้มาตรการที่ ศบค.กทม. กำหนด สำหรับการประมินผล โดยติดตามผลจากครูเป็นระยะ และโรงเรียนรายงานผลให้สำนักการศึกษาทราบทุกสัปดาห์ทาง Google Form

รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป ทุกโรงเรียนจะทดสอบความพร้อมในการเรียน ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องที่พบจากการทดสอบ เพื่อให้มีความสมบูรณ์และเอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนมากที่สุด รวมทั้งวางแผนการออกเยี่ยมบ้านในกรณีจำเป็น เช่น เด็กที่มีความต้องการพิเศษ หรือเด็กที่ไม่มีอุปกรณ์ เป็นต้น อนึ่ง ในกรณีที่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ก็จะมีมาตรการดูแลและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้โรงเรียนเป็นแหล่งแพร่เชื้อ ได้แก่ การจัดชั้นเรียนให้มีระยะห่างทางสังคม การเหลื่อมเวลามาเรียนเพื่อลดความแออัดและจำนวนเด็กนักเรียน การคัดกรองก่อนเข้าโรงเรียน จัดให้มีเครื่องมือป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ face shield เป็นต้น

“ส่วนกรณีไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เนื่องจากยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะดำเนินการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ตามที่ได้เตรียมความพร้อมไว้ สำหรับการสนับสนุนอุปกรณ์ให้แก่เด็กนักเรียน อาทิ กล่องทีวีดิจิทัล หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ต เพื่อใช้สำหรับการเรียนรู้แบบออนไลน์ เบื้องต้น กทม.ได้ประสานกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในการสนับสนุน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างมอบหมายสำนักการศึกษา และโรงเรียน ทำการสำรวจจำนวนเด็กที่มีความพร้อมในการเรียนรู้ แต่ยังขาดอุปกรณ์” นายเกรียงยศ กล่าว

ทั้งนี้ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ผู้ปกครองนักเรียนไม่ต้องมีความวิตกกังวลใดๆ หากไม่มีอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเรียนรู้ เนื่องจาก กทม.ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านการเรียนการสอนไว้หมดแล้ว ไม่ต้องไปกู้ยืมเงินเพื่อนำมาจัดซื้ออุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ หากไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ทางโรงเรียนจะส่งครูไปดูแลถึงที่บ้าน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบ 4 on ของ กทม.