“หมอชลน่าน” ปลอบ “ประยุทธ์” อย่ากลัวตรวจสอบ หวั่นเงินกู้ 4 แสนล้านอาจไม่ได้ใช้ฟื้นฟูประเทศ

วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลจะบริหารเงินกู้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการฟื้นฟูประเทศ และเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แต่การกู้เงินฉบับนี้ ขัดกับกฎหมายการเงินการคลัง แม้จะอ้างถึงความจำเป็นเร่งด่วน แต่ในกฎหมายบังคับให้ต้องใส่รายละเอียดการใช้เงิน มีระยะเวลาที่ชัดเจน เพราะรัฐบาลวางกรอบการกู้เงินสิ้นสุดเดือนกันยายน 2564 ไม่มีความจำเป็นต้องกู้สามารถที่จะใส่การใช้งบประมาณนี้ในกรอบงบประมาณ ปี 2564 ได้ ดังนั้นการกู้เงินของรัฐบาล อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ การใช้จ่ายเงินกู้ในกรอบวงเงิน 400,000 ล้านบาท พรรคร่วมฝ่ายค้านให้ความสนใจมาก แม้รัฐบาลจะมีการตั้งคณะกรรมการบริหารเงินกู้ จำนวน 10 คน เป็นอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แบ่งเป็นข้าราชการประจำ 5 คน ที่เหลือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ อีกทั้งคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมา ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจของพลเอกประยุทธ์
ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีความกังวลว่าการใช้เงินกู้จะมีความโปร่งใสหรือไม่ เพราะหากมีความผิดพลาดไม่สามารถเอาผิดได้

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า น่าเป็นห่วงว่าการใช้เงินกู้จำนวน 400,000ล้านบาท ของรัฐบาลจะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า เพราะรัฐบาลใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย เขียนกรอบการใช้เงินกว้างมาก เพื่อให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเขียนแผนงาน ของบประมาณ เหมือนเป็นการตีเช็คเปล่าไว้ให้กับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล เอาเงินกู้ไปหาเสียงล่วงหน้า และที่หนักกว่านั้นคือ การใช้งบประมาณของรัฐบาลนี้ ตรวจสอบได้ยากมาก ตลอดการบริหารงานของ พลเอกประยุทธ์ สร้างหนี้ให้เป็นภาระให้ประชาชนไม่ต่ำกว่า 50 ปี ประหนึ่งเด็กที่อยู่ในท้องแม่วันนี้เป็นหนี้แล้ว

“ ดังนั้นการที่ฝ่ายค้านเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อตรวจสอบการใช้เงินของรัฐบาล จึงมีความจำเป็น ที่ผ่านมารัฐบาลกลัวการตรวจสอบ ดังนั้นผู้นำรัฐบาลอาจจะส่งสัญญาณ ให้ขัดขวางการตั้งคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว หากรัฐบาลมั่นใจว่าโปร่งใสในการใช้เงินกู้ รัฐบาลต้องยอมรับการตรวจสอบจาก ผู้แทนประชาชน หากไม่ยอมให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ ชี้ชัดว่ามีการเตรียมการใช้เงินกู้ เพื่อภารกิจทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล”นายแพทย์ชลน่าน กล่าว