‘วิษณุ’ ปัดตอบรายชื่อคนจัดทำแผนฟื้นฟู เผย หากคลังขายหุ้น 3% บินไทยพ้นรัฐวิสาหกิจ

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแผนการฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า เรื่องนี้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เข้ามาขอความเห็นและขั้นตอนในการดำเนินการแผนฟื้นฟู ซึ่งแนวทางต่อจากนี้จะขึ้นอยู่กับบอร์ดของการบินไทย เวลานี้บริษัทการบินไทยก็ยังเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐจึงต้องควบคุมอยู่ แต่เมื่อใดที่กระทรวงการคลัง ขายหุ้น 3% สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงจาก 51% เหลือ 48% ซึ่งกระทรวงการคลังสามารถขายหุ้นได้ทันทีและเมื่อถึงตอนนั้นการบินไทยก็จะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ และกระทรวงคลังจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้ ส่วนการบินไทยจะมีสภาพเป็นเหมือนบริษัทมหาชนธรรมดา โดยที่กระทรวงการคลังอาจเป็นแค่ผู้ถือหุ้นข้างมาก เพราะอีก 52% เขารวมกันไม่ติด หากรวมกันติดก็จะเป็นผู้กุมอำนาจของการบินไทย ทั้งนี้ เมื่อการบินไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อจัดทำเรื่องแผนฟื้นฟูต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกระทรวงการคลังถือหุ้น 48% รัฐจะไม่ต้องเข้าไปอุ้มแล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีอุ้ม ไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครพูดถึงการอุ้มอะไร หากไปอุ้มก็จะกลายเป็นรัฐวิสาหกิจอีก

เมื่อถามถึงรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาจัดทำเรื่องแผนฟื้นฟู 15 คน จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา รองนายกฯ กล่าวว่า มีใครบอกได้ว่า 15 คนจะมาจากไหนอาจจะเป็นจำนวน 20 30 หรือ 40 คน ก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่บอร์ดการบินไทยจะต้องเป็นผู้เสนอ โดยรายชื่อจะมีสัดส่วนโควต้าที่มาจากกระทรวงคลังร่วมอยู่ด้วยในฐานะผู้ถือหุ้น และโดยนิตินัยไม่ต้องเสนอรายชื่อผ่านนายกฯ แต่โดยพฤตินัยกระทรวงการคลังก็ยังถือหุ้นใหญ่ในการบินไทย ต่อจากนี้ไป หาก ครม.หรือนายกฯจะมีอะไรก็เป็นการสั่งกระทรวงการคลัง

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี มีสิทธิจะไม่เห็นชอบกับรายชื่อบุคคลที่จะเข้าไปจัดทำแผนฟื้นฟูได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่านายกฯ จะเอาหรือไม่เอา เพราะคนที่มีอำนาจพิจารณาคือกระทรวงการคลัง แต่นายกฯ ก็คุมกระทรวงการคลัง หากบอกไป กระทรวงการคลังก็คงยอมแต่ต้องดูด้วยว่าเจ้าหนี้จะเอาอย่างไร

เมื่อถามว่า จะต้องใช้ระยะเวลาอีกนานหรือไม่กว่าจะไปถึงขั้นตอนการได้บุคคลที่จะเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟูการบินไทยนั้น นายวิษณุกล่าวว่า ใช้เวลานานไม่ได้อยู่แล้ว ประมาณ 3 เดือนจะต้องได้ผู้บริหารแผนฟื้นฟู หรืออาจจะเร็วกว่า 3 เดือนก็ได้ เมื่อเข้าสู่คดีล้มละลายก็เป็นเรื่องระหว่างศาลกับเจ้าหนี้ บางครั้งอาจเป็นลูกหนี้ด้วย เบื้องต้นลูกหนี้ต้องไปจัดทำแผนและนำมาให้เจ้าหนี้ดูว่ายอมรับหรือไม่ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับก็ล้ม แต่ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับก็ส่งให้ศาล ถ้าศาลยอมรับก็เดินหน้า แต่ถ้าศาลไม่ยอมรับก็ล้ม