สธ.ไม่เปิดไทม์ไลน์ติดโควิด-19 ในชุมชน “ร้านตัดผม-รพ.-ห้าง” ขอเวลาสอบสวนโรค

สธ.ไม่เปิดไทม์ไลน์ติดโควิด-19 ในชุมชน “ร้านตัดผม-รพ.-ห้าง” ขอเวลาสอบสวนโรค

นอกจากนี้ นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า สรุปทั้ง 2 ราย จึงถือว่าเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ และมีกิจการที่สัมพันธ์กับมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 และระยะ 2 โดยเป็นเรื่องที่คาดการณ์ว่าอาจเกิดขึ้นได้ เพราะเมื่อไรการ์ดตก ล้างมือไม่ตลอด สวมหน้ากากอนามัยหน้ากากผ้าไม่ตลอด ไปสถานที่ชุมชนโดยไม่จำเป็นย่อมมีความเสี่ยง และ 2 รายนี้ ไม่สัมพันธ์กับผู้ป่วยก่อนหน้า แต่เกิดจากช่วงการเปิดกิจการกิจกรรม จึงต้องฝากประชาชนว่า ขณะนี้แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มหลักเดียว เราก็ไม่อยากเห็นตัวเลขมากกว่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถบอกไทม์ไลน์การสัมผัสเชื้อทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม เพื่อให้คนอื่นๆระวังตัวได้หรือไม่ นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า สำหรับไทมไลน์ของชายอายุ 72 ปี เกิดในกรุงเทพฯ ส่วนชายเยอรมันอายุ 42 ปีเกิดใน จ.ชัยภูมิ โดยต้องเรียนให้ทราบว่า การสอบสวนโรคต้องอาศัยเวลา เบื้องต้นหลังพบผู้ป่วยยืนยัน เมื่อตรวจเชื้อออกมาแล้ว ทางทีมสอบสวนโรคจะต้องคุยก่อนว่า ผู้ป่วยสามารถคุยได้หรือไม่ เพื่อสอบประวัติเบื้องต้น โดยเราพอทราบไทม์ไลน์ ทั้งการไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อทำซีทีสแกน หรือการไปร้านตัดผม เพื่อตัดผม

นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ส่วนจะมีมากกว่านี้หรือไม่ ก็อยู่ที่ความจำของผู้ป่วยราย 72 ปี ก็ขอดูก่อนว่าเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคได้ข้อมูลและลงไปพื้นที่ ทั้งโรงพยาบาลอะไร ร้านตัดผมอะไร และห้วงเวลาไหน ซึ่งเวลานั้นมีการสัมผัสใกล้ชิดกับใครบ้าง ใครสัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ เสี่ยงสูง ก็จะได้วิเคราะห์ออกมา จริงๆ ร้านตัดผมต้องไม่มีคนอื่น เพราะเราไม่ได้ให้มานั่งรอที่ร้านตัดผม ต้องดูทั้งหมด ทั้งผู้สัมผัสร่วมบ้านด้วย ต้องดูคนใกล้ชิดที่สุด ทั้งครอบครัว บุตรหลาน ต้องติดตามและเก็บตัวอย่างตรวจว่า ยังมีใครบ้างที่มีโอกาสรับเชื้อจากผู้ป่วยคนนี้

“หากโรงพยาบาล หรือร้านตัดผม มีการลงระบบไทยชนะ หากไปและมีการเช็กอินก็จะมีข้อมูลตรงนี้ ซึ่งเราจะติดตามและสอบสวนโรคได้ ว่ามีใครบ้างเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่ห้วงเวลา จากนั้นก็จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาตรวจ” นพ.อนุพงศ์ กล่าว

นพ.อนุพงศ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากย้ำ ทั้งการเดินทางจากต่างประเทศ เราคิดว่ามีมาตรฐานดีระดับหนึ่ง อย่างมีพี่น้องคนไทยเดินทางกลับจากบราซิล รัสเซีย โดยเมื่อวานมีผู้เดินทางเข้ามาจาก 2 ประเทศ ที่เป็นกลุ่มประเทศที่มีการติดเชื้อสูง ก็มีระบบในการตรวจสอบ ส่วนการติดเชื้อในชุมชนต้องขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันปฏิบัติตัวป้องกันโควิด อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ที่มีการเรียกร้องเปิดโรงเรียน ตรงนี้ก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดี เพราะการเปิดก็มีความเสี่ยงติดเชื้อได้ ขณะนี้ สธ. ก็จะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการเตรียมมาตรการความพร้อมป้องกันโรคในเด็กนักเรียนต่อไป