สหภาพถอย ไม่ค้านผ่าบินไทย คาดลดเครื่อง 50 ลำ ลดคน 1 หมื่น ชี้ พนง.อาจปรับตัว ลาออกเอง

สหภาพถอย ไม่ค้านผ่าบินไทย คาดลดเครื่อง 50 ลำ ลดคน 1 หมื่น ชี้ พนง.อาจปรับตัว ลาออกเอง

การผ่าตัดใหญ่การบินไทย ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว หลัง ครม.มีมติให้เข้ากระบวนการฟื้นฟูในศาลล้มละลายไทยและสหรัฐ

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า สหภาพยังไม่ได้รับการติดต่อจากกระทรวงคมนาคม เพื่อนัดหารือในรายละเอียดการดูแลพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีอยู่ราว 2 หมื่นคน ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2543 และให้ลดสัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลังในบริษัทให้เหลือต่ำกว่า 50%

นายนเรศกล่าวว่า ทางสหภาพได้เตรียมความพร้อมข้อมูลจากมุมมองของฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อชี้แจงให้กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้รับทราบ เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงในส่วนของสหภาพ ทั้งเรื่องการลดค่าใช้จ่ายที่ควรจะเป็น ส่วนเรื่องมติ ครม.ที่เห็นชอบให้กระทรวงการคลังปรับลดสัดส่วนถือหุ้นการบินไทย เพื่อให้การบินไทยพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ยินยอมตามนั้น ถือว่าเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องยอมรับมติ ครม.

“ท่าทีก่อนหน้านี้ที่ผมได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการลดสัดส่วนหุ้นนั้น เกรงว่าหากปรับลดสัดส่วนถือหุ้นแล้ว จะเปิดโอกาสให้เอกชนกลุ่มอื่นเข้ามาถือหุ้นแทน แต่เมื่อทราบข้อมูลว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการถือหุ้นไปยังกองทุน อีกทั้งแนวทางพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ ยังจะทำให้โครงสร้างบริหารที่มีคณะกรรมการ (บอร์ด) และอาจปรับเปลี่ยนฝ่ายบริหารบางส่วน สหภาพจึงเล็งเห็นว่าเป็นประโยชน์”

นายนเรศกล่าวว่า การปรับลดสัดส่วนหุ้นที่ทำให้การบินไทยพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่อาจทำให้เจ้าหนี้เชื่อมั่น และหากพนักงานหรือสหภาพยังคงคัดค้านแผนฟื้นฟูดังกล่าว จะกระทบต่อความเชื่อมั่น ส่งผลให้การบินไทยอาจถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย ทั้งนี้ ตามแผนฟื้นฟูการบินไทยที่อาจถูกลดโครงสร้างองค์กร ปรับลดจำนวนเครื่องบินประมาณ 50 ลำ และอาจทำให้พนักงาน 5,000-10,000 คนถูกเลิกจ้าง ในฐานะพนักงาน มองว่าหากการบินไทยพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู อาจต้องปรับลดเบี้ยเลี้ยง ค่าล่วงเวลา และสวัสดิการอื่นๆ ก็อาจเป็นเหตุให้พนักงานต้องเริ่มปรับตัวลาออกเอง