หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ออกกฎคุมเข้ม “บริษัทต่างชาติ” ที่ใช้อุปกรณ์ชิปเซ็ตของสหรัฐ จะต้องขอใบอนุญาตจากสหรัฐ ก่อนที่จะทำการส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวให้ แม้จะเป็นการผลิตที่เกิดขึ้น “นอกสหรัฐ”  ซึ่งเป็นกฎที่พุ่งเป้าไปที่ “หัวเว่ย” โดยตรง

นอกจากฉับพลันทันทีที่ “ริชาร์ด หยู” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำกลุ่มธุรกิจ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสิเนส กรุ๊ป จะโพสต์ผ่าน wechat ว่า  การที่รัฐบาลสหรัฐสั่งบริษัททั่วโลกระงับการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปให้กับหัวเว่ย มีจุดประสงค์เพื่อให้สหรัฐครองอำนาจด้านเทคโนโลยีของโลกต่อไป ไม่ได้มีเหตุผลด้านความมั่นคงอย่างที่กล่าวอ้าง

“หัวเว่ย” ยังออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการตอบโต้

โดยระบุว่า  ยังคงยืนหยัดเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคและมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปแม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคทั้งมวล

การกระทำโดยพลการของสหรัฐ เป็นอันตรายคุกคามต่อทั้งอุตสาหกรรมทั่วโลก กระทบอย่างรุนแรงในระยะยาวต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การตัดสินใจครั้งนี้จะทำลายความร่วมมือในอุตสาหกรรมต่างๆ  และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและความเสียหายหนักภายในอุตสาหกรรมเหล่านี้อีกด้วย

ทั้งยังกระทบต่อการขยายธุรกิจ การซ่อมบำรุง และการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องของเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งมีมูลค่าหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐที่หัวเว่ยได้ดำเนินการอยู่กว่า 170 ประเทศทั่วโลก และประชากรกว่า3 พันล้านคนทั่วโลก ที่เป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของหัวเว่ย

ซึ่งแสดงถึงความตั้งใจเพิกเฉยของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต่อผลประโยชน์ของลูกค้าและผู้บริโภคหัวเว่ย ซึ่งขัดกับคำกล่าวอ้างของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่าดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยด้านเครือข่าย

สหรัฐอเมริกากำลังยกระดับศักยภาพทางเทคโนโลยีของตนเองเพื่อเอาชนะกลุ่มบริษัทที่ไม่ใช่สัญชาติอเมริกัน การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือที่บริษัทต่างชาติมีต่อห่วงโซ่อุปทานและเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ที่สุดแล้ว การกระทำดังกล่าวจะย้อนกลับมาสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเอง

ทั้งนี้ หัวเว่ยกำลังดำเนินการตรวจสอบกฎข้อบังคับรูปแบบใหม่นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เราคาดว่าธุรกิจของเราจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาทางออก หวังว่าลูกค้าและซัพพลายเออร์ของเราจะอยู่เคียงข้างเรา และร่วมมือกันลดผลกระทบจากกฎข้อบังคับจากการเลือกปฏิบัตินี้