อดีตเลขา สมช.สงสัย รบ.มีวาระซ่อนเร้น ไม่ยอมเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มองอยากรวบอำนาจ-ครม.ส่อแตก

พุธ 20พ.ค.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงประเด็นสมควรเลิกใช้อำนาจกฎหมายพิเศษพ.ร.ก.ฉุกเฉินกับสถานการณ์โควิด-19ได้หรือยัง โดยระบุว่าการเผชิญกับภัยโรคระบาดไวรัสโควิด กฎหมายพ.ร.บ.โรคติดต่อได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้งโรคระบาดโดยตรง จึงเป็นเครื่องมือหลักที่ตรงต่อการแก้ไขวิกฤติโควิด

สำหรับพ.ร.ก.ฉุกเฉินถูกออกแบบมาเพื่อใช้แก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบ สถานการณ์ก่อการร้ายและความปลอดภัยของประชาชน มีที่มาเริ่มแรกเพื่อใช้คลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถ้านำมาร่วมใช้แก้วิกฤติโควิด ก็ควรเป็นเครื่องมือรองสนับสนุนพ.ร.บ.โรคติดต่อ หากนำภาพอดีตการแก้ปัญหาโรคระบาดรุนแรงหวัดนกกับซาร์ที่เราเคยประสบมาแล้ว ท่านผู้นำยุคนั้นได้คลี่คลายปัญหาเสร็จลงอย่างรวดเร็ว เป็นที่พึงพอใจของประชาชน ด้วยเครื่องมือที่ใช้จัดการกับปัญหา คืออำนาจหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง บวกกับพลังภาวะผู้นำสูงมาบูรณาการการจัดการเท่านั้นเอง ไม่ได้ใช้อำนาจกฎหมายพิเศษแต่ประการใด

ฉะนั้นเมื่อเทียบกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด ซึ่งมีพ.ร.บ.โรคติดต่อเป็นเครื่องมือหลักที่ทรงพลังอยู่แล้ว แต่ยังทุรังเอาพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเป็นเสมือนเครื่องมือหลักใช้อำนาจทับซ้อนกันเข้าไปอีก มันเลยน่ามาหาคำตอบกันว่าทำไมผู้นำสืบทอดอำนาจถึงเลือกใช้อำนาจเช่นนั้น คำตอบทางหนึ่งก็คือเพราะด้อยภาวะผู้นำ ค.ร.ม.ไม่มีเอกภาพ จึงต้องใช้กฎหมายพิเศษมารวบอำนาจ หรือ ทางที่สองเพราะมีวาระซ่อนเร้น เลยตีขลุมใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาบังหน้าแก้โควิด แต่เบื้องหลังเตรียมไว้สกัดสารพัดม็อบที่จะแห่มาไล่ เพราะวิกฤติซ้อนวิกฤติที่ตนเองก่อขึ้นมานั่นเอง