จับอีก7รายทำผิดขายหน้ากากอนามัย-เจลล้างมือแพงเกินจริง

นายสุพพัต  อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 11 – 17 พ.ค. 2563 กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เพิ่ม 7 ราย ดังนี้ กรุงเทพฯ 3 ราย ได้แก่ ร้านค้าทั่วไป 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์นำเข้าจากประเทศเวียดนาม บรรจุแพคละ 5 ชิ้น ในราคา แพคละ 120 (เฉลี่ยราคาชิ้นละ 24 บาท) กระทำความผิดข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29  เจ้าหน้าทำการล่อซื้อผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านแอพพลิเคชั่น Message 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา บรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ในราคา กล่อง 420 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 8.40 บาท) จำนวน 100 ชิ้น แจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากมัยสูงเกินราคาที่กำหนดและแพงเกินสมควร ตามมาตรา 25 (1) มาตรา 29  และอีก1 ราย เป็นแผงจำหน่ายหน้ากากอนามัยหลังตลาดกระทรวงการคลัง จำหน่ายหน้ากากอนามัย รุ่น PM.2.5 แบบมีวาล์ว ในราคาชิ้นละ 70 บาท โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย เป็นการกระทำความผิด ตามมาตรา 28

ต่างจังหวัด 4 ราย แยกเป็นการกระทำความผิด ดังนี้ กระทำความผิดตามมาตรา 28 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยโดยไม่ปิดป้ายแสดง    ราคาขาย เป็นร้านค้าออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊ก ในจังหวัดอุตรดิตถ์ 1 ราย  กระทำความผิดตามมาตรา 25  ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินราคาที่กำหนด  โดยการล่อซื้อและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก 1 ราย ในจังหวัดศรีสะเกษ พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย บรรจุกล่อง 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 450 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 9 บาท) กระทำความผิดตามมาตรา 29 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร โดยการล่อซื้อและจับกุมร้านค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก  2 ราย ใน จังหวัดอุตรดิตถ์  พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย บรรจุกล่อง 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 590 – 650 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ11.8 – 13 บาท) จำนวน12 กล่อง

นายสุพพัต  กล่าวว่า ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มียอดรวมสูงขึ้นเป็น  427 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 192 ราย และต่างจังหวัด 235 รายสำหรับสถานการณ์การจำหน่ายไข่ไก่ในขณะนี้ เข้าสู่ภาวะปกติประชาชนซื้อเท่าที่พอเพียงต่อการบริโภค เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตไข่ไก่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น สามารถสั่งซื้อและส่งสินค้าได้ตามปกติ จากการ  ติดตาม ตรวจสอบ และจับกุม ไม่พบการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ยอดรวมการจับกุมสะสม ทั้งหมด 29 ราย

ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง  มาตรา 26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดง      ราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุก   ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายสุพพัต กล่าวว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (โควิด – 19) เตือนผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุน และขายสินค้าแพงเกินจริงโดยเฉพาะสินค้าหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในสถานการณ์ดังกล่าว  กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพราะถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน  หากประชาชนพบมีการกักตุนสินค้าและขายสินค้าแพงเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด