‘ณัฐชา’ ซัด ‘นายกฯ’ หยุดประวิงเวลา ยื้อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อ้างเหตุสุขภาพ แฝงประโยชน์อื่น

‘ณัฐชา’ ซัด ‘นายกฯ’ หยุดประวิงเวลา ยื้อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อ้างเหตุสุขภาพ แต่แอบแฝงประโยชน์อื่น

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่อ้างว่า ไม่สามารถยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้ในเวลานี้ เพราะแต่ละวันยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อผันผวน จะต้องให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อฯหยุดนิ่งก่อนนั้น

โดยนายณัฐชา ยืนยันว่า เป็นเพียงข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเพื่อหาเหตุในการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้เท่านั้น เพราะหากพิจารณาตามข้อเท็จจริง ตามตัวเลขที่นายกรัฐมนตรีระบุว่ายังมีความผันผวน จะพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงอยู่ในหลักหน่วยเป็นเวลากว่า 20 วันต่อเนื่องแล้ว ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็น 0 ถึงสองครั้งในรอบสัปดาห์ และมีจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเลยมากถึง 50 จังหวัด สะท้อนว่า สถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างมาก ขณะที่ตัวเลขที่อ้างว่าการขยับขึ้นก็ล้วนผู้ที่มาจากต่างประเทศหรือเป็นชาวต่างชาติในศูนย์กักตัวแทบทั้งสิ้น ไม่ใช่การติดเชื้อในชีวิตประจำวัน

“เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ จึงต้องขอร้องให้นายกรัฐมนตรีกลับไปถามหมอทางด้านระบาดวิทยา ไม่ใช่หมอด้านจิตวิทยาให้ชัดเจนว่า มาตรการต่างๆ ที่ใช้อยู่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นการทยอยคลายล็อกอย่างเป็นขั้นตอนที่ผลออกมาดีมากในเฟสแรก การตรวจเชิงรุกที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ สามารถลงลึกถึงระดับชุมชนที่ อสม. สามารถค้นหาได้ รวมทั้งความร่วมมือเป็นอย่างดีของประชาชนตลอดเวลาที่ผ่านมาเพียงพอแล้วหรือไม่ที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะในทางปฏิบัติ แต่ละจังหวัดสามารถใช้อำนาจ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ จัดการไปตามสถานการณ์ได้ ซึ่งทางกลับกันยังพบว่า ที่ผ่านมามีการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของเจ้าหน้าที่ตีความไปตามอำเภอใจ ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิของประชาชนในหลายกรณี ทั้งยังสร้างความลำบากให้ประชาชนจำนวนมาก จนไม่สามารถทำมาหากินตามปกติได้ ขณะที่การเยียวยาช่วยเหลือก็เห็นกันดีอยู่แล้วว่าไร้ประสิทธิภาพขนาดไหน ทั้งล่าช้า ไม่ทั่วถึง และยากจะปฏิเสธได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจฆ่าตัวตายของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่หดหู่น่าเศร้ามาก”

ทั้งนี้โฆษกก้าวไกล ยังได้ ยังได้ฝากไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะมองไม่เห็นความทุกข์ยากของประชาชนก็ไม่เป็นไร แต่พวกท่านทั้งหลายไม่ว่า รัฐมนตรี และ ส.ส. คงได้ลงพื้นที่และได้ยินเสียงของประชาชนกันดีอยู่แล้ว จงอย่าปิดหู ปิดตา ปิดใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรคงไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังในการช่วยเป็นปากเสียงแทนพวกเขาในรัฐบาลนี้ จงอย่านิ่งเงียบ ปล่อยให้มีการประวิงยื้อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปเรื่อยๆ โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพแต่แอบแฝงประโยชน์อื่น หากพวกท่านที่บอกว่าเข้าใจปัญหาปากท้องประชาชนดี ก็ควรรีบผลักดันยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เสียโดยเร็ว ก่อนที่จะพากันฉุดเศรษฐกิจของประเทศให้ดิ่งลงไปมากกว่านี้