‘เรืองไกร’ ร้อง ‘นายกฯ’ สอบภาระผูกพันกว่าแสนล้านของ ‘การบินไทย’

เรืองไกรร้องนายกฯ สอบภาระผูกพันกว่าแสนล้านของการบินไทย

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว. กล่าวว่า ตามที่ บมจ.การบินไทย ขอเลื่อนการส่งงบการเงินไตรมาสแรกปี 63 ออกไปถึงเดือนสิงหาคม 63 ทำให้เกิดข้อสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับว่า ข้อมูลตามงบการเงินที่จะใช้ในการพิจารณาเพื่อฟื้นฟูกิจการนั้น เป็นข้อมูลที่ตรวจสอบแล้วเพียง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 62 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การบินไทยได้ส่งจดหมายลงวันที่ 8 และ 13 พฤษภาคม 63 ถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขอผ่อนผันการส่งงบการเงินไตรมาสแรกปี 63 ออกไปถึงภายในเดือนสิงหาคม 63 โดยมีการอ้างข้อมูลบางส่วนจากผู้สอบบัญชีว่า “3.ความเห็นของผู้สอบบัญชี ซึ่งได้มีการพิจารณาถึงกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลต่อแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ ส่งผลต่อความมีนัยสำคัญของงบการเงิน ทั้งการแสดงรายการ และการรับรู้เหตุการณ์ภายหลังวันที่งบการเงิน ดังนั้น หากเลื่อนการส่งงบการเงินจะมีความชัดเจนต่อรายงานทางการเงินซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งบการเงิน”

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ภายหลังวันที่งบการเงิน อาจแปลว่า มีหนี้หรือภาระผูกพันบางอย่างแฝงอยู่ ดังนั้น เมื่อไปตรวจสอบในหมายเหตุงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 62 ข้อ 8.35 ซึ่งระบุว่า “ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัท ได้ลงนามในสัญญาเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) เครื่องบินจำนวน 42 ลำ โดยมีภาระผูกพันที่ต้องจ่ายค่าเช่าเครื่องบินตามสัญญาเช่าดำเนินงานเป็นจำนวนเงิน 3,587.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 108,818.64 ล้านบาท ประกอบด้วยเครื่องบิน A320-200 จำนวน 15 ลำ A350-900 จำนวน 8 ลำ B777-300ER ผู้สอบบัญชี ซึ่งได้มีการพิจารณาถึงกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จะส่งผลต่อแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ ส่งผลต่อความมีนัยสำคัญของงบการเงิน ทั้งการแสดงรายการ และการรับรู้เหตุการณ์ภายหลังวันที่งบการเงิน ดังนั้น หากเลื่อนการส่งงบการเงินจะมีความชัดเจนต่อรายงานทางการเงินซึ่งจะเป็นจำนวน 11 ลำ B787-8จำนวน 6 ลำ B787-9 จำนวน 2 ลำ โดยมีเครื่องบินที่บริษัท ดำเนินการรับมอบเรียบร้อยแล้วจนถึงสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 จำนวน 39 ลำ และมีเครื่องบินที่ยังไม่ถึงกำหนดรับมอบอีกจำนวน 3 ลำ ทั้งนี้ มีเครื่องบินครบกำหนดสัญญาเช่าดำเนินงานในปี 2563-2567 จำนวน 6 ลำ เครื่องบินครบกำหนดสิ้นสุดสัญญาในปี 2568-2573 จำนวน 36 ลำ” ภาระผูกพันที่ต้องจ่ายค่าเช่าเครื่องบินตามสัญญาเช่าดำเนินงานเป็นจำนวนเงินกว่าแสนล้านบาท น่าจะเป็นรายการหนี้ก้อนใหญ่ที่จะต้องชำระต่อไปตามสัญญาหลัง วันที่ 31 ธันวาคม 62 ปัญหาที่ตามมาคือ จะเอาเงินที่ไหนมาชำระหนี้ตามภาระผูกพันก้อนนี้ และรายการนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นสมัยใด และมีใครได้รับผลประโยชน์โดยไม่ชอบหรือไม่ หรือพูดภาษาทั่วไปว่า มีใครได้หัวคิวหรือไม่

“ภาระผูกพันกว่าแสนล้านบาทนี้ นายกฯ รู้เรื่องแล้วหรือยัง ถ้ายัง ผมก็ขอบอกให้รู้ไว้ และก่อนที่จะพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ ควรตรวจสอบต่อไปว่า จะเอาเงินที่ไหนมาชำระหนี้ก้อนนี้ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงจะทำหนังสือส่งไปทางไปรษณีย์ ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ เพื่อแจ้งไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ให้ทราบ และเพื่อให้นายกฯทำการตรวจสอบต่อไปโดยเร็ว โดยเฉพาะ มีใครได้หัวคิวจากภาระผูกพันก้อนนี้หรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว