17พ.ค.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าจากกรณีการตอบข้อซักถามของกองทัพที่ไม่คืบหน้ากระจ่างชัดแก่สาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ การเยียวยากราดยิงที่โคราช การลงโทษผู้เป็นต้นตอการแพร่เชื้อโควิด-19 ที่สนามมวยลุมพินี ความคืบหน้าปฏิรูปกองทัพบก 90 วัน การปรับลดงบประมาณจัดซื้ออาวุธ การแสดงบทบาทที่น้อยนิดกับการแก้ไขวิกฤติการณ์โควิดและล่าสุดเรื่องการสร้างสถานที่พักฟื้นพักผ่อนที่เชียงราย ทำให้เครดิตของกองทัพแทบไม่หลงเหลือ ประเด็นเหล่านี้จะไม่เป็นเรื่องขึ้นมาเลย ด้วยเหตุผลสั้นๆคือถ้ากองทัพของเรามีสำนึกประชาธิปไตยและเป็นทหารอาชีพ ไม่หลงผิดไปเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้นำสืบทอดอำนาจที่สังคมเห็นกำพืดแล้วว่า เป็นพวกหาแต่ผลประโยชน์ใส่ตัวแต่อ้างประชาชนบังหน้า

ดังนั้นกองทัพพึงต้องปรับตัวโดยเร็วเพื่อสอดรับกับโลกยุคใหม่ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรเลย เพียงแค่ตัวผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างตามเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำเหมือนการฝึกอบรมสั่งสอนทหารให้มีจิตวิญญาณความรักชาติอยู่เสมอนั่นแหละ แต่ความจริงมันเป็นเรื่องยากแสนเข็ญที่จะทำให้เป็นรูปธรรม เพราะรัฐบาลที่มาจากรากฐานการยึดอำนาจนั้นมันเป็นเผด็จการ ไม่เคยมีสำนึกประชาธิปไตยอยู่ในสมอง แต่กฎแห่งกรรมกำลังไล่กระชากตัวผู้นำสืบทอดอำนาจให้ตกจากเก้าอี้ในเร็ววัน

หลังจากนั้นพลังประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจะร่วมสร้างแรงกดดันพลิกผันให้เกิดรัฐบาลคนรุ่นใหม่คือได้ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ทันสมัย คิดใหม่ทำเป็น เข้ามาแทนที่ การเมืองจะพลิกโฉม กลุ่มการเมืองไดโนเสาร์จะตกขบวน ขณะเดียวกันผลพวงที่ตามมา คือเราจะได้กองทัพที่มีสำนึกประชาธิปไตย เป็นทหารอาชีพ เคียงข้างรับใช้ประชาชน ลบภาพอัปยศเฉกเช่นอดีตกันเสียที