‘เทพไท’ จะไม่ทน สวนแรง ‘แรมโบ้’ คงไม่เข้าใจระหว่าง ส.ส.กับสอพลอ จี้นายกฯเตือนบ้าง

‘เทพไท’ จะไม่ทน สวน ‘แรมโบ้’ คงไม่เข้าใจระหว่าง ส.ส.กับสอพลอ เพราะเป็น ส.ส.สอบตก จี้ ‘นายกฯ’ ตักเตือนบ้าง ไม่เข้าใจทำโพลถามเลิก ไม่เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้เปลืองเงินทำไม

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงเรื่องความเห็นในการทำโพลของนายกรัฐมนตรีว่าไม่ต้องมีความเห็นสักเรื่องจะได้หรือไม่นั้น ตนขอชี้แจงว่า การแสดงความเห็นของตนที่ผ่านมา ไม่ได้พูดทุกเรื่องตามที่นายสุภรณ์กล่าวหา ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตนจะพูดเฉพาะเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนที่มีผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เท่านั้น ไม่เคยแสดงความเห็นในประเด็นทางการเมืองเลย จึงอยากจะให้นายสุภรณ์ได้เข้าใจถึงบทบาทการทำหน้าที่ของตนในฐานะ ส.ส.ตัวแทนของประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งนายสุภรณ์อาจจะไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของ ส.ส.ดีพอ เพราะเป็น ส.ส.สอบตก ห่างเหินจากการเป็น ส.ส.มาเป็นเวลานานแล้ว

“จึงขออธิบายให้นายสุภรณ์ได้เข้าใจว่า ระหว่าง ส.ส.กับสอพลอ มีความแตกต่างกันอย่างไร คนเป็น ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน เจ้านายคือประชาชน จะต้องทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน เมื่อประชาชนมีความเดือดร้อน ก็ต้องแสดงความคิดเห็นในฐานะตัวแทนที่ดีของเขา ถ้าไม่ทำงานให้กับประชาชน การเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนก็ลงโทษไม่เลือกเข้ามาเป็น ส.ส.อย่างแน่นอน ส่วน สอพลอ คือคนที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจ จึงจำเป็นต้องทำงานเพื่อเอาใจเจ้านาย คอยเลียแข้งเลียขาพูดจาประจบประแจงให้ถูกใจเจ้านาย ทำทุกอย่างเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่ง จึงทำตัวเป็นลูกน้องผู้รับใช้นายอย่างใกล้ชิด ประเภทนายว่าขี้ข้าพลอย หรือดีครับผมเหมาะสมครับท่าน ไม่ได้มีจิตสำนึกในการรับใช้ประชาชนแต่อย่างใด ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อปกป้องเจ้านายที่แต่งตั้งตัวเองเท่านั้น” นายเทพไทกล่าว

นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนการที่นายสุภรณ์ออกมาบอกว่าการทำโพลครั้งนี้เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนประกอบการพิจารณายกเลิก หรือคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ตนเห็นว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 จึงจัดตั้ง ศบค.ขึ้นมา จึงไม่เข้าใจทำไมการจะตัดสินใจยกเลิก หรือคงอยู่ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงต้องมาทำโพลนำความเห็นของประชาชนมาประกอบการตัดสินใจ อยากจะถามว่าถ้าความเห็นของผลโพลขัดแย้งกับความเห็นของทีมคณะอาจารย์แพทย์ รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร ตนเชื่อว่ารัฐบาลต้องเลือกทำตามคำแนะนำของอาจารย์แพทย์อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้จะมาทำโพลให้สิ้นเปลืองงบประมาณและเสียเวลาทำไม รัฐบาลควรจะแยกแยะ เรียงลำดับความสำคัญให้ได้ว่าเรื่องใดบ้างที่ควรรับฟังความเห็นของประชาชนโดยตรง หรือทางอ้อม ที่ผ่านมามี ส.ส.หลายคนออกมาแสดงความเห็นที่ดี มีข้อเสนอและให้คำแนะนำต่อรัฐบาลมากมาย แต่รัฐบาลไม่ได้รับฟังความเห็นและนำไปปฏิบัติเลย

“ผมต้องถามตรงๆ ว่าการทำโพลเรื่องนี้มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ การปฏิเสธความเห็นของ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน แต่อยากฟังความเห็นประชาชนด้วยการทำโพล เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เป็นตรรกะวิบัติ เพราะในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ส.ส.ก็คือตัวแทนของประชาชนที่แท้จริงนั่นเอง ไม่ทราบว่านายสุภรณ์เข้าใจหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากน้อยแค่ไหน ขอให้รัฐบาลใจกว้างเปิดรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย ผมเชื่อว่านายกฯคือบุคคลสาธารณะ สามารถยอมรับการตรวจสอบ และรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่นายสุภรณ์เป็นแค่บริวาร ไม่ควรออกมาทำหน้าที่จนเกินความพอดี อยากให้นายกฯได้ตักเตือน อบรมดูแลคนรอบข้าง ที่ออกมาระรานผู้ที่มีความเห็นต่างกับรัฐบาลแบบรายวัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศทางเมืองของประเทศ เมื่อนายสุภรณ์ถามผมว่าหยุดพูดสักเรื่องจะได้ไหม ผมก็อยากจะตอบกลับไปยังนายสุภรณ์ว่า “คุณจะด่าใครแขวะใครก็ได้ อาจจะไม่มีใครตอบโต้คุณ คุณอาจจะย่ามใจ แต่คุณอย่าแขวะผมซักคนได้ไหม เมื่อคุณเว้นไม่ได้ ผมขอตอบโต้คุณไปตามข้อเท็จจริง เพราะคนอย่างผมจะไม่ยอมให้ใครมาแขวะได้เพียงฝ่ายเดียว” นายเทพไทกล่าว