“ภราดร” เตือนแก้โควิด-19 แบบกดหัวประชาชน ส่อรัฐบาลใกล้หมดอายุ

วันที่ 10 พฤษภาคม 2563 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวเทียบเคียงสถานการณ์ทางการเมืองว่าเรากำลังจะย่ำซ้ำรอยประวัติศาสตร์เพราะเมื่อไรที่ประชาชนต้องประสบกับเงื่อนไขความอยุติธรรมและความไม่มีจะกิน จะทำให้รัฐบาลต้องล้มคว่ำลงเสมอ การแก้ไขปัญหาวิกฤติโควิด-19 แบบกดหัวประชาชนเป็นเหตุให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับชาวบ้านนำพาเงื่อนไขดังกล่าวมาทับซ้อนกัน ขณะนี้เริ่มปรากฎภาพเช่นในอดีตแล้วคือส.ส.ซีกรัฐบาลรู้ว่าอายุรัฐบาลใกล้จะหมดลง อ้างโควต้ากลุ่มก๊วนแย่งชิงเก้าอี้เป็นรัฐมนตรี ตาโตเตรียมเข้าไปหากินกับเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ4แสนล้านบาท เพื่อสะสมทุนใส่กระเป๋า กองทัพติดกับดักขาดความไว้วางใจจากประชาชนต้องห่างเหินจากผู้นำสืบทอดอำนาจ แล้วจะจบลงด้วยผู้นำลาโรงออกจากตำแหน่งไปเพียงแต่จะเป็นในรูปการใดคือ ถูกคว่ำในสภา ยุบสภา ลาออก หรือถูกประชาชนขับไล่

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า จากนั้นตามมาด้วยการเลือกผู้นำคนใหม่ที่จะต่างจากในอดีด เหตุผลเพราะว่าผลพวงความอัปยศของการสืบทอดอำนาจครั้งล่านี้ มันเลวร้ายสุดๆกว่าในอดีตที่ผ่านมา จึงทำให้ประชาชนตาสว่างและมีวิจารณญาณว่าจะต้องเลือกผู้นำคนรุ่นใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเขาคาดหวังว่าจะนำพาประเทศสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมได้จริง นั่นคือการแก้ไข รัฐธรรมนูญต้นตอใหญ่แห่งปัญหา การกระจายอำนาจไม่เป็นรัฐราชการ สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า เลิกรัฐบาลระบบพวกพ้องอัปยศ และสร้างแบรนด์ประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าไว้ใจ(Trusted Nation) จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของบรรดาพรรคการเมืองที่ต้องไปสรรหาตัวผู้นำที่ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะเข้ามาทำเรื่องดังกล่าวได้สำเร็จจริง

“คาดการณ์ว่านับแต่นี้ไปMobFromHomeจะพาFlash Mobหวนกลับมาเป็นหัวเชื้อสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เกิดขึ้นเร็ว ประชาชนกำลังแร้นแค้นและชิงชังรัฐบาล สถานการณ์มันบังคับ ไม่อาจรอให้จบวิกฤติโควิดนี้ไปก่อนหรอก” พล.ท.ภราดร กล่าวตอนท้าย