นศ.จี้คลัง แจกเงินเยียวยาทุกคน แนะให้เดือนละ 3 พัน แก้ปัญหาตกหล่น

วันที่ 7 พฤษภาคม 2563 เมื่อเวลา 11.00 น.บริเวณประตู 4 กระทรวงการคลัง นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน จากสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) และเครือข่ายนักเรียน นิสิตนักศึกษา จากสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ รวม 27 กลุ่ม กว่า 10 คน มายื่นแถลงการณ์ถึงกระทรวงการคลัง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแจกเงินช่วยเหลือประชาชนถ้วนหน้า

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในนามนิสิตนักศึกษาขอออกมาพูดเพื่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเชื่อว่าประชาชนทุกคนได้รับผลกระทบ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจะรับฟังข้อเสนอ ให้แจกเงินช่วยเหลือประชาชนแบบถ้วนหน้า แม้ว่าตอนนี้รัฐบาลแจกเงินก็จริง แต่ก็เป็นการเลือกแจกเฉพาะคน ต้องผ่านการพิสูจน์

ทั้งนี้ เห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ คนจนอยู่แล้วจนไปอีก ชนชั้นกลางอาจจะจนลงอีก ทุกคนเดือดร้อน และทุกคนจ่ายภาษีทั้งหมด เป็นเจ้าของประเทศทั้งหมด ควรได้รับการเยียวยาทั้งหมด โดยแถลงการณ์และข้อเสนอครั้งนี้ ปรับปรุงมาจาก ข้อเสนอคณาจารย์ธรรมศาสตร์ก่อนหน้านี้ จึงต้องการให้กระทรวงการคลังนำไปพิจารณา

สำหรับแถลงการณ์ ระบุว่า จากสถารการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อย่างรุนแรงและขยายเป็นวงกว้างทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม จนทำให้ทุกคนต้องเผชิญความยากลำบากถ้วนหน้า จะเห็นจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ลดลง แต่คนเสียชีวิตจากความอดอยากและเศรษฐกิจตกต่ำกลับเพิ่มขึ้น

แม้ 1 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลจะแจกเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท แต่ด้วยเวลาที่เร่งด่วน ประกอบกับการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ทำให้การดำเนินนโยบายล่าช้า ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ และไม่ทั่วถึง

ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลควรตระหนักว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า จึงมีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเท่าเทียม และยังปรากฏว่าการแจกเงินเยียวยาให้ผู้ที่เดือดร้อนจำนวนมากยังไม่ผ่านการพิสูจน์สิทธิ จนตกหล่นและไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างทันท่วงที

สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) และเครือข่ายนักเรียน นิสิตนักศึกษา จากสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ 27 องค์กร จึงขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการแจกเงิน 5,000 บาท และเรียกร้องให้รัฐบาลแจกเงินให้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปอย่างเท่าเทียมกันทุกคน คนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อไม่ให้มีประชาชนตกหล่นจากความผิดพลาดและพิสูจน์สิทธิ์ล่าช้าของมาตรการ

ทั้งนี้ อ้างอิงจากสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ประเทศไทยมีประชากรทีมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป อยู่ที่ 50.8 ล้านคน คาดว่าการแจกเงิน 3,000 บาทตามข้อเสนอ จะใช้งบประมาณราว4.57 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับจีดีพีประเทศ โดยรัฐบาลอาจตัดลดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกเพื่อดำเนินการได้