นายถาวร จิระโสภณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรและชาวประมงอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพและจำหน่ายผลผลิตได้ตามปกติจากที่มีการวางแผนไว้ อีกทั้งสัตว์น้ำเศรษฐกิจบางชนิดยังประสบปัญหาราคาตกต่ำอีกด้วย ซึ่งกุ้งก้ามกราม ถือเป็นสินค้าสัตว์น้ำอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องการระบายสินค้า

นายถาวร กล่าวว่า แต่จากการคาดการณ์เบื้องต้น พบว่า ตลอดปี 2563 กุ้งก้ามกรามจะยังคงมีผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ปริมาณรวมกว่า 22,257 ตัน เฉลี่ย 1,800 ตันต่อเดือน ดังนั้น เพื่อเป็นการวางแผนรับมือการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาว กรมประมง ได้ร่วมกับผู้แทนเกษตรกร ผู้แทนภาคเอกชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้ากุ้งก้ามกรามรวมถึงสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ไปยังตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรด อาทิ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน), บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส) รวมถึงสถานีบริการน้ำมัน อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับผลผลิตของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ จากการหารือในเบื้องต้นภาคเอกชนยินดีให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นอย่างดี โดยกรมประมงจะเร่งจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอแผนงานในการขอสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำในตลาดโมเดิร์นเทรด และปั๊มน้ำมันเร็วๆ นี้ ซึ่งจะนำร่องกุ้งก้ามกรามเป็นชนิดแรก

นอกจากนี้ กรมประมงยังได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย เพื่อลดราคาอาหารสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิตสำหรับช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วย โดยทั้ง 2 สมาคมให้อัตราส่วนลด ดังนี้ อาหาร กุ้งกุลาดำ-กุ้งขาว ลดจากปกติ 25 บาทต่อถุง อาหารกุ้งสมทบ กุ้งก้ามกราม และอื่นๆ ลดจากปกติ 20 บาทต่อถุง

ขณะที่ อาหารปลากะพง ลดจากปกติ 30 บาทต่อถุง อาหารสัตว์น้ำจืดชนิดเม็ด ลอย-จม ชนิดโปรตีนสูงกว่า 29% ลดจากปกติ 15 บาทต่อถุง และชนิดโปรตีน 21-29% ลดจากปกติ 10 บาทต่อถุง ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวมีผลตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2563