เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมฯได้นำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างรถเข็นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มูลค่า 152,956.21 บาทต่อคันออกมาเปิดเผย เพราะเป็นต้นเหตุนำไปสู่การกำหนดราคาค่าไฟฟ้าแพง เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ.)ได้แก้เกี้ยวโดยการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ อ้างว่าให้ทราบผลภายใน 2 สัปดาห์และรีบระดมทีมงานออกมาให้ข้อมูลตอบโต้ ล่าสุดสมาคมฯได้ตรวจสอบพบว่า กฟผ. มีการจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อนำมาใช้ในสำนักงานและสถานีบริการไฟฟ้าทั่วประเทศมีความผิดปกติอีกหลายประการ

“ การจัดซื้อเครื่องตรวจจับแก๊สรั่ว ซึ่งเป็นยี่ห้อจากจีน (Portable SF6 Gas Leakage Detector) เพื่อใช้ในแผนงานโครงการ Supply and Construction of 500/230 kv(GIS) มีราคาต่อเครื่องถึง 350,431 บาท แต่งราคาขายปกติที่ซื้อขายกันโดยทั่วไปไม่น่าจะเกินเครื่องละ 12,000 บาท สำหรับการซื้อขายในอินเตอร์เน็ตในอาลีบาบา ดอทคอม มีราคาเพียง 5,303 บาทเท่านั้น แต่ กฟผ. กลับซื้อในราคาที่แพงลิบลิ่ว ซึ่งไม่แน่ใจว่าเครื่องมือดังกล่าวทำด้วยทองคำฝังเพชรหรืออย่างไร”นายศรีสุวรรณ กล่าว

เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวอีกว่า ปัญหาการจัดซื้อครุภัณฑ์ของ กฟผ.เป็นเพียงขยะซุกใต้พรมที่แอบซุกไว้กันมาอย่างยาวนานและไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง แม้สมาคมฯจะพยายามนำเสนอให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส แต่กลับไม่ยอมรับความจริงและมีกระบวนการชี้แจงตอบโต้ที่บิดเบือน มีการปล่อยข่าวทำลายเครดิตผู้ร้องเรียน ทั้งที่ภาพและเอกสารที่สมาคมฯนำมาร้องเรียนต่อ สตง. และสื่อมวลชนนำไปรายงาน เป็นเอกสารที่มาจากบุคคลภายใน กฟผ. ที่สำคัญการปล่อยให้มีการจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์กันในราคาแพง เป็นต้นเหตุที่ถูกนำไปคำนวณเป็นต้นทุนในการบริหารจัดการไฟฟ้า และผลักภาระทั้งหมดมาให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือนทั้งประเทศ

“ ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงนั้นแม้รัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ประชาชน 3 เดือน แต่เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาระยะสั้นที่ไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด -19 ได้ทั้งหมด เพราะยังไม่มีใครตอบได้ว่าโรคดังกล่าวจะหมดไปเมื่อใด และรัฐบาลก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้นปัญหาราคาค่าไฟฟ้าแพงจะยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป หากไม่มีการจัดการปัญหาที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด” นายศรีสุวรรณ กล่าว