นักเขียนชาวอู่ฮั่น เผยบรรยากาศเมือง 2 ชั่วโมงแรก หลังคลายมาตรการล๊อคดาวน์

เมืองอู่ฮั่น และมณฑลหูเป่ย์เคยเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ที่ถูกควบคุมไว้ได้แล้ว ส่งผลให้สำนักการป้องกันและควบคุมการระบาดของมณฑลหูเป่ย์ออกประกาศ เมื่อ 24 มี.ค. 2020 อนุญาตให้พลเมืองที่ได้รับรหัสสุขภาพสีเขียว (Green Health Code) สามารถเดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย์ได้ นับตั้งแต่ 8 เม.ย เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม “เดอะ การ์เดี้ยน” รายงานอ้างอิง “กวอจิ้ง” นักสิทธิมนุษยชนสตรีและชาวเมืองอู่ฮั่น ซึ่งระบุว่า “ทันทีที่ได้รับทราบข่าวนี้ เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย” แม้ว่าเธอจะถูกกักตัวอยู่บ้านเป็นระยะเวลากว่าแรมเดือนก็ตาม โดยเธอได้เขียนอธิบายถึงบรรยากาศของเมืองอู่ฮั่นภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์บางส่วน เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ผ่านหนังสือที่เธอเขียน “Wuhan Lockdown Diary”

ทั้งนี้ “กวอจิ้ง” ตกอยู่ภายใต้มาตรการล๊อคดาวน์อันเข้มงวดของรัฐบาล นับตั้งแต่ 26 ก.พ. อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์การระบาดที่ลดความรุนแรงลงและเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการระบาดได้เป็นส่วนใหญ่ ทางการได้ลดหย่อนความเข้มข้นของมาตรการลง โดยอนุญาตให้พลเมืองที่ได้รับรหัสสุขภาพสีเขียวสามารถออกนอกที่พักอาศัยได้ชั่วคราว โดยพื้นที่บริเวณที่เธอพักอาศัยอยู่ทางการอนุญาตให้ 1 ครอบครัว สามารถส่งสมาชิกออกนอกที่พักได้ 1 คน ภายในระเวลาที่จำกัดเพียง 2 ชั่วโมง

ภายหลัง “กวอจิ้ง” รับรู้ข่าวดังกล่าวจากอาสาสมัคร เมื่อวันที่ 30 มี.ค. เธอรีบลงทะเบียนขอรับ “รหัสสุขภาพสีเขียว” ทันทีจาก “อาลีเพย์” ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่เคล้าคลอไปด้วยน้ำตา ประหนึ่งนกที่สัมผัสถึงกลิ่นของอิสรภาพหลังจากถูกกักขังเป็นเวลากว่า 43 วัน

ด้วยความกระหายอยากสัมผัสบรรยากาศของเมืองอู่ฮั่นอีกครั้งหนึ่งด้วยดวงตาของเธอเอง เธอก้าวเท้าออกจากที่พักของเธอเมื่อเวลา 11.35 น. ของวันที่ 31 มี.ค. โดยเป็นทริปการเดินทางระยะเวลาสั้น ๆ ที่ไม่มีการวางแผนการเดินทาง และไม่มีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน

โดย เธอพบว่า ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ยังคงปิดตัว ซึ่งส่งผลให้ความว่างเปล่ากินพื้นที่ส่วนใหญ่ของท้องถนน นอกจากนี้ตามบริเวณต่าง ๆ ของเมืองถูกกั้นไว้ด้วยรั้วเพื่อห้ามผู้คนเข้าออก ทั้งร้านค้าที่ตั้งอยู่ตามข้างท้องถนน หรือแม้กระทั่งทางเข้าซอยเล็ก ๆ เธอเดินทางไปด้วยความสับสนเล็กน้อยผ่านร้านขายขนมท้องถิ่นของชาวอู่ฮั่น เธอจึงหยุดเพื่อซื้อลูกชิ้นทอด 10 ลูก ในราคา 21 หยวน

พลันนึกถึงคำถามที่ถูกถามเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมา “อะไรคือสิ่งแรกที่คุณจะทำหลังจากการล๊อคดาวน์ถูกยกเลิก”

เธอตอบว่า “เดินไปตามแม่น้ำและตะโกนออกมา”

เธอปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้าสู่ทางเดินเลียบแม่น้ำหลังจากนั้นจึงเดินลัดเลาะตามทางเดินดังกล่าว เธอเริ่มพบเจอผู้คนมากขึ้นทั้งพ่อแม่และลูก ๆ , คู่รัก รวมถึงคนกำลังนั่งตกปลา หลังจากหย่อนเอนกายบนที่นั่งพัก ณ ริมตลิ่ง เธอดึงหน้ากากอนามัยลงแล้วสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ จากนั้นเธอจึงทานลูกชิ้นที่เธอเพิ่งซื้อมา

“ฉ่ำ…แต่ไม่เลี่ยน โดยรวมแล้วรสชาติโอเค” กวอจิ้งคิดในใจ

เมื่อทานลูกชิ้นเสร็จเรียบร้อย เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปตามทางเลียบจากนั้นหันหน้าเข้าหาแม่น้ำพร้อมตะโกนออกมา มีชาวเมืองอีกสองคนทำตามเธอ หนึ่งในนั้นเปล่งเสียงออกมามากกว่า 3 ครั้ง การตะโกนออกมาทำให้เธอรู้สึกมีพลัง “เราเหมือนขาดอากาศหายใจจากการถูกขังไว้นานเกินไป” กวอจิ้งกล่าว

ขณะที่เธอกำลังอยู่ระหว่างทริปเดินทางแสนสั้นนั้น เวลาอันจำกัดก็ได้ล่วงเลยมาจนเกือบครบ 2 ชั่วโมง กวอจิ้งจึงมุ่งหน้าออกจากเส้นทางข้างแม่น้ำและเดินทางกลับบ้านของเธอ

สำหรับกวอจิ้งนั้น การอนุญาตให้พลเมืองสามารถออกจากที่พักอาศัยนับว่าเป็นก้าวแรกของความสำเร็จจากการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด -19 ขณะที่การทำให้เมืองกลับมาชีวิตอีกครั้งเป็นหนึ่งความท้าทายสำคัญที่รออยู่

อย่างไรก็ตามเธอมองว่า “แม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ผลกระทบจากการระบาดยังคงอยู่” ดังนั้นรัฐบาลจึงมีภาระสำคัญที่จะต้องเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้อย่างจริงจัง

นอกจากนี้ปัจจุบันยังผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนที่เกือบทั้งหมดมาจากต่างประเทศซึ่งอาจทำให้เกิดการระบาดขึ้นมาอีกครั้งได้ โดยทุกฝ่ายจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันการระบาดที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ

“สิ่งที่ฉันต้องการคือการไม่ต้องเห็นการล๊อคดาวน์อีกครั้ง” เธอกล่าวทิ้งท้าย