ผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในช่วงเช้าของวันที่ 6 เมษายน 2563 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 69,309 คน อิตาลียังคงมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่ 15,887 ตามด้วยสเปน 12,641 สหรัฐ 9,562 ฝรั่งเศส 8,078 อังกฤษ 4,934 อิหร่าน 3,603 จีน 3,333 เนเธอร์แลนด์ 1,766 เยอรมนี 1,576 และเบลเยียม 1,447

ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 1,270,069 คน สหรัฐยังมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดที่ 335,524 ราย ตามด้วยสเปน 131,646 ราย อิตาลี 128,948 ราย เยอรมนี 100,024 ราย ฝรั่งเศส 93,759 ราย จีน 82,602 รายอิหร่าน 58,226 ราย อังกฤษ 48,436 ราย ตุรกี 27,069 ราย  สวิตเซอร์แลนด์ 21,100 ราย เบลเยียม 19,691 ราย เนเธอร์แลนด์ 17,953 ราย แคนาดา 15,422 ราย ออสเตรีย 12,051 ราย โปรตุเกส 11,278 ราย บราซิล 11,130 ราย และเกาหลีใต้ 10,237 ราย

ด้านผู้ติดเชื้อซึ่งได้รับการรักษาจนหายดีแล้วอยู่ที่ 259,810 คน

ทั้งนี้ยุโรปยังคงเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดหนักที่สุด แม้ว่าจะมีสัญญาณบวกเนื่องจากยอดผู้เสียชีวิตและติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงก็ตาม ทั้งนี้ผู้ป่วยมากกว่า 45,000 รายที่เสียชีวิตอยู่ในยุโรป ขณะที่อังกฤษมีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสูงที่สุดใน 24 ชั่วโมง หรือ 621 ราย

โดยที่อิตาลี มีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ หรือมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 525 รายจากหนึ่งวันก่อนหน้า ถือว่าน้อยที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าอาจจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ร้ายแรงที่สุดไปแล้ว ขณะที่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 4,316 ราย

ส่วนสเปน จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อก็ลดลงอีกครั้งเช่นเดียวกัน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 674 รายใน 24 ชั่วโมงซึ่งลดลงจาก 809 ราย ในหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ถือเป็นการเพิ่มขึ้นราว 6% ซึ่งลดลงกว่าในสัปดาห์ก่อนถึงเกือบครึ่งหนึ่ง ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6,023 ราย