สะเปะสะปะ! “จาตุรนต์” ติงรัฐบาล บริหารงบประมาณยังไง จนรพ.ต้องขอบริจาคสู้โควิด

วันที่ 31 มีนาคม 2563 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณของรัฐบาลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส “โควิด-19” ว่า

การใช้งบประมาณ หางบประมาณ สับสนสะเปะสะปะ ไว้วางใจไม่ได้

ภาพและข่าวที่มีคนตั้งคำถามมากที่สุดเรื่องหนึ่งในขณะนี้คือการที่โรงพยาบาลต่างๆต้องขอรับบริจาคอุปกรณ์ สิ่งของเครื่องใช้และเงิน เหตุใดรัฐบาลจึงไม่จัดการให้ ไม่มีเงินหรืออย่างไร

การบริจาคช่วยเหลือหมอพยาบาลและบุคลากรทางสาธารณสุขเป็นเรื่องดี ใครช่วยอะไรได้ก็ช่วยกัน หากจะช่วยในการจัดการเพื่ออำนสวยความสะดวกในเรื่องที่หมอพยาบาลไม่สามารถช่วยตัวเองได้ก็เป็นประโยชน์อยู่ แต่ของที่ต้องใช้จำนวนมากหรือของหายาก การบริจาคคงช่วยไม่ได้มาก รัฐบาลต้องจัดการให้

แต่ไม่ปรากฏว่ามีการจัดระบบในการสำรวจความต้องการของโรงพยาบาลต่างๆและจัดหาของที่ต้องการให้เพียงพอหรือหรือจัดสรรงบประมาณให้โรงพยาบาลต่างๆได้ใช้ตามที่จำเป็น การขอรับบริจาคจึงเกิดขึ้น

งบประมาณเพิ่งผ่านสภามาเมื่อเร็วๆนี้ ถ้าเป็นเรื่องเยียวยาผลกระทบจากโควิด 19 และหรือฟื้นฟูเศรษฐกิจซี่งไม่ได้เตรียมไว้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องหาเงินมาใช้ แต่ในขณะนี้ เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะไม่มีเงินพอที่จะใช้สำหรับต่อสู้กับโควิด19

มีคำถามว่างบกลาง 5 แสนกว่าล้านหายไปไหน ผมเปิดดูเอกสารงบประมาณก็พบว่า ในงบกลาง 5 แสนกว่าล้านนี้ใน 11 รายการเป็นงบรายจ่ายประจำที่มาฝากไว้เช่นเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ฯลฯ เสียมากเอามาใช้ไม่ได้ แต่ก็มีงบอยู่ 2 ยอดที่เอามาใช้ได้คือรายการที่ (2) ค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจำนวน 3000,000,000 บาทและรายการที่ (11) เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 96,000,000,000 บาท

เงินเกือบ 1 แสนล้านบาท ถ้าจะไม่เหลือแล้วอย่างที่นายกฯเคยพูดไว้ คงต้องชี้แจงว่าเอาไปทำอะไร แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหมดแล้ว

ดังนั้นยังมีเงินพอที่จะใช้สำหรับสู้กับโควิด19 แน่ เพียงแต่จะใช้หรือไม่และจะใช้อย่างไร

วิธีใช้เงินเพื่อซื้อสิ่งของต่างๆที่จำเป็นสำหรับหมอพยาบาลทั้งระบบนั้น เมื่อรวบรวมจากกระทรวงต่างๆที่มีโรงพยาบาลเช่นกระทรวงอุดมศึกษา กระทรวงกลาโหม สตช.และสธ.เอง รวบรวมข้อมูลได้แล้วก็เสนอนายกฯให้ใช้งบกลางแจกจ่ายไปและให้เบิกจ่ายได้สะดวกรวดเร็วก็หมดปัญหา

แต่นายกฯกลับไม่ทำ

สำหรับที่รองนายกฯสมคิดเตรียมตัดงบทุกกระทรวง 10 % รวดและจะออกพรก.กู้เงิน เท่าที่ชี้แจงมาเป็นปัญหาใหญ่มาก แสดงว่าไม่ได้คิดอะไรให้ดีหรือไม่ได้คิดจะทำอะไรดีๆเลย

การจะตัดงบประมาณสู้กับวิกฤตครั้งนี้ต้องดูว่างานด้านไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็น อะไรขาดอะไรเกิน กระทรวงสาธารณสุขที่ดูทั้งประเทศและกระทรวงอุดมศึกษาที่มีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอยู่หลายแห่ง งบประมาณไม่พอแน่นอน จะต้องเพิ่มให้อีกมากด้วยซ้ำ บางกระทรวงงบน้อยอยู่แล้วและบางกระทรวงก็มีเรื่องจำเป็นเช่นการเยียวยา สวัสดิการและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากตัดไม่ได้ก็อาจต้องเพิ่มอีกเช่นกัน จะมีที่ควรตัดคืองบที่ไม่จำเป็น ไม่ก็ให้เกิดการสร้างงานจ้างงานหรือต้องนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือชะลอได้หรือไม่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่นกอรมน. และกระทรวงกลาโหมเป็นต้น

การจะตัดงบ 10 % ทุกกระทรวงจึงเป็นการทำแบบสุกเอาเผากิน จะเป็นผลเสียมากว่าดี

ส่วนเรื่องที่รองนายกฯสมคิดจะออกพรก.กู้เงิน 2 แสนล้านหรือมากว่านั้นโดยบอกว่า”…เพื่อนำมาดูแลทั้งระบบ ให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ ให้ตลาดเงินตลาดทุนมีสภาพคล่องที่เพียงพอ เพื่อหล่อเลี้ยงทั้งระบบได้” นั้นเป็นความสับสนและอันตรายอย่างยิ่ง เพราะการกู้เงินแบบนี้ที่จริงต้องเป๋็นการหาเงินมาใช้ทางการคลังเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายของภาครัฐไม่ใช่เพื่อใช้ดำเนินมาตรการการเงิน โดยเฉพาะตลาดเงินตลาดทุนนั้น ไม่เกี่ยวด้วยเลย

ก่อนหน้านี้รองฯสมคิดพูดเรื่องไอเอ็มเอฟพร้อมช่วยไทยซึ่งก็ไม่ควรพูดเพาะไทยไม่ต้องอาศัยไอเอ็มเอฟ
ทำเรื่องกองทุนพยุงหุ้นซึ่งไม่ควรทำ มาตอนนี้จะออกพรก.กู้เงินก็นึกถึงตลาดเงินตลาดทุนอีก หายใจเป็นเรื่องทุนไปเสียหมด

สับสนสะเปะสะปะ ไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่รัฐมนตรี รองนายกฯและนายกฯเลยครับ