สนช.ซักถอดถอน“ปึ้ง”ออกพาสปอร์ต“แม้ว” ยัน 1วันเป็นขั้นตอนปกติ-พูดเล่นว่าให้เป็นของขวัญ

/ AFP PHOTO / SAEED KHAN

สนช. เค้น ป.ป.ช. บี้สอย ปม คืนพาสปอร์ต “แม้ว” ด้าน“สุภา”ย้ำพิรุธ ขณะที่“สุรพงษ์”โต้ใช้เวลาวันเดียวเป็นเรื่องปกติ อ้าง ไม่พบพฤติการณ์เป็นภัยต่อประเทศ ที่ประชุมนัดวันลงมติถอดถอน 30 มี.ค.

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรณีการออกหนังสือเดินทางให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ โดยเป็นขั้นตอนกระบวนการซักถามของคณะกรรมาธิการซักถามต่อคู่กรณี คือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และนายสุรพงษ์ มีข้อซักถามทั้งหมด 24 คำถาม เป็นการถามป.ป.ช. 18 คำถาม และนายสุรพงษ์ 6 คำถาม

โดย ข้อซักถามที่กมธ. ได้ซักถามป.ป.ช.นั้น ส่วนใหญ่เป็นคำถามเรื่องคุณสมบัติของนายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการป.ป.ช. ที่มีปัญหาเรื่องการไม่ได้ลาออกจากกรรมการในบริษัทเอกชนภายในเวลา 15 วัน ก่อนเข้ามาเป็นป.ป.ช. จะมีผลทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นป.ป.ช.หรือไม่

รวมถึงการให้ป.ป.ช.ชี้แจงความผิดของนายสุรพงษ์ที่สั่งการให้ออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณภายในวันเดียว และกรณีที่นายสุรพงษ์อ้างว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงการต่างประเทศในการพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้แก่นายทักษิณ ไม่ใช่เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ตอบข้อซักถามโดยยืนยันว่า นายภักดีมีคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช.ถูกต้อง การที่นายสุรพงษ์อ้างคำพูดของนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสตง.ว่า นายภักดีไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทเอกชนก่อนมารับตำแหน่ง ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนดนั้น คนที่จะชี้ขาดเรื่องนี้มีเพียงศาลรัฐธรรมนูญและวุฒิสภาเท่านั้น ไม่ใช่นายพิศิษฐ์ ซึ่งก่อนหน้านี้วุฒิสภาเคยลงมติไม่ถอดถอนนายภักดีแล้ว

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ยืนยันว่าการที่นายสุรพงษ์ใช้ดุลยพินิจออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณนั้น ทำผิดระเบียบกระทรวงต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางอย่างชัดเจน เพราะมีเงื่อนไขว่า ไม่สามารถออกหนังสือเดินทางแก่ผู้มีคดีก่อการร้ายได้ และนายทักษิณอยู่ในบัญชีรายชื่อห้ามออกหนังสือเดินทาง แต่กลับมีการออกหนังสือเดินทางให้ โดยใช้เวลาแค่ 1 วัน ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และศาลว่า เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อห้ามออกหนังสือเดินทางหรือไม่

“การอ้างว่า เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงต่างประเทศพิจารณาออกหนังสือเดินทาง ไม่ใช่อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ป.ป.ช.เห็นว่า นายสุรพงษ์สั่งการในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศให้ออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะนายสุรพงษ์ไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปพิจารณา แต่สั่งการให้ยกเลิกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณในสมัยนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับสั่งให้ออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามการสั่งการของนายสุรพงษ์” น.ส.สุภา กล่าว

ต่อมา กมธ.ซักถามได้ตั้งคำถามนายสุรงพษ์ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่างประเทศออกหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณ เป็นการใช้ดุลยพินิจถูกต้องหรือไม่ และเหตุผลการเร่งรัดออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณภายในเวลา 1 วัน โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลจากสตช.และศาล

โดยนายสุรพงษ์ชี้แจงว่า การสั่งออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณเป็นการวินิจฉัยทางการเมือง ซึ่งสามารถเห็นแตกต่างกันได้ ไม่ใช่การวินิจฉัยทางข้อกฎหมาย เพราะไม่เห็นว่านายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อประเทศไทย ส่วนระยะเวลาออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ ภายในวันเดียวนั้น ปกติขั้นตอนการขอหนังสือเดินทางผ่านกรมการกงสุลต่างประเทศ ใช้วิธีส่งข้อมูลทางอิเลคทรอนิคส์มายังกรมการกงสุลในประเทศไทย หากทำถูกต้องตามหลักเกณฑ์ก็ดำเนินการได้ทันที ดังนั้น กรณีของนายทักษิณจึงสามารถดำเนินการได้ภายใน 1 วัน ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ

ส่วนที่ระบุว่า นายทักษิณมีรายชื่อติดแบล็กลิสต์นั้น ก่อนหน้านี้กระทรวงต่างประเทศได้สอบถามข้อมูลไปยังสตช.และศาลแล้ว แต่ไม่เคยมีหนังสือตอบกลับมาว่า ไม่ควรออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ

ส่วนกรณีที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะมอบหนังสือเดินทางแก่นายทักษิณเป็นของขวัญปีใหม่นั้น เป็นแค่มุขในการให้สัมภาษณ์เพราะเป็นช่วงใกล้ปีใหม่เลยพูดเช่นนั้น แต่การดำเนินการของตนไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือหลักเกณฑ์ หรือสั่งให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ป.ป.ช.และนายสุรพงษ์ตอบคำถามของกมธ.ซักถามครบถ้วนทั้งหมด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ในฐานะประธานที่ประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่า ให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาแถลงปิดคดีในวันที่ 29 มีนาคมนี้และนัดพิจารณาลงมติจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอนนายสุรพงษ์ ในวันที่ 30 มีนาคมนี้