สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 25 มีนาคมนี้ระบุว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และการแพร่ระบาด พากันประเมินว่า อินโดนีเซียอาจกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขนานใหญ่ใกล้เคียงกับอิตาลีหรืออู่ฮั่น จากปัจจัยสารพัด ขาดแคลนทั้งโรงพยาบาลและเตียงผู้ป่วย, ขาดบุคลากรทางการแพทย์ และขาดแคลนห้องอภิบาลผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) นอกจากนั้นระบบสาธารณสุขยังเป็นระบบรวมศูนย์อีกด้วย

ทั้งนี้สถิติเมื่อถึงวันที่ 24 มีนาคม อินโดนีเซียยังมีผู้ติดเชื้อเพียง 686 ราย เสียชีวิต 55 ราย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่เป็นจริงมาก เนื่องจากมีอัตราการตรวจหาผู้ติดเชื้อต่ำ ในขณะที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเกินไป สูงที่สุดของภูมิภาค

ศูนย์เพื่อการสร้างแบบจำลองเชิงคณิตศาสตร์สำหรับการแพร่ระบาด ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วของอินโดนีเซีย น่าจะเป็นเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ติดเชื้อจริง ซึ่งอยู่ที่ 34,300 รายจากการวิเคราะห์ของศูนย์ฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าอิหร่านด้วยซ้ำไป

แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของอีกบางหน่วยงาน คาดว่า ในกรณีที่แย่ที่สุด เฉพาะจาการ์ตาจะมีผู้ติดเชื้อมากถึง 5 ล้านคนในตอนสิ้นเดือนเมษายนนี้

อินโดนีเซียมีประชากรราว 260 ล้านคนมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ในขณะที่ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก(ฮู) แสดงว่า อินโดนีเซียมีเตียงพยาบาลเพียง 321,544 เตียง คิดเป็นสัดส่วน 12 เตียงต่อ 10,000 คน มีเตียงในห้องไอซียูเพียง 2.7 เตียงต่อ 10,000 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก

สภาพตึงเครียดของระบบสาธารณสุขอินโดนีเซียเริ่มแสดงให้เห็นจากการขาดแคลนอุปกรณ์ในการป้องกันตัวเองของแพทย์และพยาบาล จนต้องนำหน้ากากอนามัยมาจากบ้าน ทำชุดเสื้อกันเชื้อโรคเองจากเสื้อกันฝน จนเป็นเหตุให้มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งขู่หยุดงานประท้วงเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา

สมาคมแพทย์แห่งอินโดนีเซีย ระบุว่า มีแพทย์ 8 คนและพยาบาลอีก 1 คน เสียชีวิตไปเพราะติดเชื้อโควิด-19แล้ว