‘นิกร’ วอน ศอฉ.โควิด-19 สั่งเลื่อนประชุมใหญ่พรรคการเมือง งดเอง เสี่ยงขัดกม.

‘นิกร’ วอน ศอฉ.โควิด-19 สั่งเลื่อนประชุมใหญ่พรรคการเมือง ชี้งดประชุมป้องกันโรค แต่เสี่ยงขัดกม.

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเตรียมประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อสู้กับวิกฤตไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ว่า เชื่อว่ารายละเอียดที่รัฐบาลเตรียมประกาศเพื่อขับเคลื่อนมาตรการ ในวันที่ 26 มีนาคมนั้น จะเป็นไปตามความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคที่มีนายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายประภัตร โพธสุธน ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมจะประสานและส่งความคิดเห็นเพื่อกำหนดมาตรการที่สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

นายนิกรยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โควิด-19 ว่า ขอเรียกร้องให้พิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคการเมือง ที่ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดให้ดำเนินการทุกปี ช่วงเดือนเมษายน ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนามีกำหนดจะจัดประชุม 24 เมษายน ที่ จ.สุพรรณบุรี แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่พรรคจำเป็นต้องให้ความร่วมมือการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการชุมนุมของประชาชน การเคลื่อนย้ายประชาชน ทำให้พรรคทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอความชัดเจนดังกล่าว รวมถึงส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อให้พิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพราะตามกฎหมายควบคุมโรคกำหนดจำกัดคนในสถานที่ประชุมไม่เกิน 100 คน แต่ตามกฎหมายพรรคการเมืองต้องใช้องค์ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 250 – 300 คน ทั้งนี้เพื่อให้พรรคสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ แต่จนถึงขณะนี้ กกต. และทางจังหวัดยังไม่มีคำตอบรับต่อข้อหารือดังกล่าว

“พรรคการเมืองต้องการให้เลื่อนประชุม เพื่อให้ความร่วมมือกับมาตรการของรัฐบาล แต่กฎหมายที่กำกับพรรคการเมืองระบุไว้ว่าต้องทำ หากไม่ดำเนินการจะมีโทษ​ ทั้งโทษปรับ 50,000 บาท และปรับเป็นรายวัน วันละ 1,000 บาท และหากไม่จัดประชุมภายใน 1 ปี โดยไม่มีเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด พรรคอาจถูกพิจารณาสิ้นสุดความเป็นพรรคและกรรมการบริหารพรรคต้องได้รับโทษ ดังนั้นขอให้ ศอฉ.ที่เตรียมตั้งและฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองสร้างปัญหา และกระทบความปลอดภัยของประชาชน” นายนิกรกล่าว