วันที่ 25 มีนาคม 2563 นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เริ่มต้นตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 25 มีนาคมเป็นต้นไป โดยประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันเพิ่มขึ้นเป็น 205 รายแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ระบุว่า ชาวนิวซีแลนด์จะต้องไม่ตื่นตระหนกหากเห็นยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นกว่านี้

“ดิฉันไม่ได้คาดหวังจะเห็นยอดผู้ติดเชื้อลดต่ำลงในช่วง 10 หรือ 12 วันข้างหน้านี้ มันจะแย่ลงยิ่งกว่านี้ และจะค่อยๆดีขึ้นในเวลาต่อมา” อาร์เดิร์นระบุ

“มันมีช่วงเวลาที่เหลื่อมกันอยู่ระหว่างการแพร่เชื้อและการแสดงอาการของโควิด-19 ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้จำนวนผู้ติดเชื้อจะสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรามีชาวนิวซีแลนด์ที่เดินทางกลับประเทศ ผู้ที่ยังคงเป็นยอดผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในประเทศ”

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ระบุว่า การละเมิดกฎนั้นอาจเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว

“ทำตัวให้เหมือนคุณติดเชื้อโควิด-19 ทุกๆอย่างที่คุณทำอาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้อื่นได้ นั่นคือวิธีคิดเพื่อส่วนรวมในเวลานี้ ”

“ดิฉันรู้ว่า มันยากแค่ไหนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสำหรับชาวนิวซีแลนด์ที่ต้องเผชิญกับการว่างงานเป็นวันแรก และต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน”

“มันจะไม่ง่ายเลย แต่ทางเลือกอื่นๆนั้นแย่กว่านี้มาก คุณไม่ได้โดดเดี่ยว คุณจะได้ยินเราและได้เห็นเราทุกๆวัน เราจะนำทางชาวนิวซีแลนด์ทุกคนให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน”

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ยังขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกหากเห็นทหารและตำรวจจำนวนมากลงพื้นที่ประจำการบนท้องถนน โดยยืนยันว่าตำรวจทหารเหล่านี้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ เพื่อเตือนให้ประชาชนทำตามข้อกำหนดของการกักกันโรค

ด้านหน่วยงานป้องกันพลเรือนว่าด้วยการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินนิวซีแลนด์ ระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีขึ้นเพื่อให้อำนาจรัฐบาลในการจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดลง

โดยรัฐบาลหลังจากนี้จะมีอำนาจในการปิดถนน ห้ามประชาชนจากการทำกิจกรรมบางอย่าง โดยประชาชนจะได้รับแจ้งเป็นข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือในช่วงเวลา 18.00-19.00น. คืนนี้ โดยกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจพิเศษกับรัฐบาลเป็นเวลา 7 วันและสามารถขยายเวลาต่อไปอีกได้