วันที่ 25 มีนาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกากำลังเป็นอีกประเทศที่เป็นศูนย์กลางการระบาดใหญ่ระดับโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนประเทศประชากรใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างอินเดีย ได้ประกาศปิดประเทศเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

โดยมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มียอดผู้ติดเชื้อทั้งในยุโรปและสหรัฐฯมากถึง 85% โดยอยู่ที่สหรัฐฯ 40%

ตามข้อมูลสถิติการระบาดของ CSSE แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ของสหรัฐนั้น สหรัฐฯผู้จำนวนผู้ติดเชื้อขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นจำนวน 54,893 ราย

เมื่อถามว่าสหรัฐฯจะกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่หรือไม่ แฮร์ริสกล่าวว่า เรากำลังเห็นการเร่งเพิ่มการติดเชื้อในสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐในสหรัฐอเมริกาและท้องถิ่นบางคนประณามการขาดการประสานงานของรัฐบาลกลางโดยกล่าวว่า การที่เมืองต่างๆกระทำการด้วยตนเองได้ทำให้พวกเขาแย่งกันหาเสบียงในการเอาตัวรอด

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องยากมาก โดยได้ทวิตข้อความว่า ตลาดโลกสำหรับหน้ากากอนามัยและเครื่องช่วยหายใจกำลังโกลาหล เรากำลังช่วยเหลือแต่ละมลรัฐให้ได้อุปกรณ์ช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ขณะที่ นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลกลางได้ประกาศปิดประเทศตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา เป็นเวลา 21 วัน หลังผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้เตือนว่าอาจมีประชาชนติดเชื้อกว่าล้านคนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เร่งให้รัฐบาลสั่งปิดการเดินทางทางอากาศ รถไฟ ธุรกิจและโรงเรียนทั้งหมด

นายโมดีกล่าวด้วยว่า ทางเดียวที่จะช่วยเราทุกคนรอดพ้นจากไวรัส ขอให้อย่าได้ออกจากบ้าน ให้อยู่ที่บ้านไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

นอกจากนี้ เอโดราโด้ แคมปาเนลล่า นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารยูนิเครดิตกล่าวว่า วิกฤตสุขภาพโลกกำลังแปรเปลี่ยนไปสู่ภาวะถดถอยทั่วโลกอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีความตึงเครียดที่ชัดเจนระหว่างการป้องกันการติดเชื้อและการทำลายเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกลับดึงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังคงจับตาดูความหวังของพวกเขาต่อวุฒิสภาสหรัฐฯที่ผ่านร่างพระราชบัญญัติกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ