“บิ๊กตู่”ประชุมรับมือโควิด-19 ไม่อนุญาตสื่อสังเกตการณ์ แจกหน้ากากผ้าให้ช่างภาพสื่อมวลชน “เผย” ประชุม ครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์อังคารนี้ ลดจำนวน ขรก.-จนท.ทำงานที่บ้าน

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง และจากมาตรการป้องกันการแพร่เชื่อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) สำหรับสื่อมวลชนที่เข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล ในการประชุมดังกล่าวจึงไม่อนุญาตให้สื่อสังเกตการณ์ โดยสำนักโฆษกฯ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ประสานให้สื่อรออยู่ที่ห้องปฏิบัติการหากมีการแถลงข่าวจะแจ้งให้ทราบ

นอกจากนี้ วันเดียวกันนี้(23 มี.ค.) สำนักโฆษกฯ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แจกหน้ากากผ้าสีขาวให้กับช่างภาพ สื่อมวลชนคนละ 1 ชิ้น เพื่อใช้ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 24 มี.ค.นั้น คาดว่าจะมีการประชุมครม.ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์ ซึ่งขณะนี้ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้จัดเตรียมห้องที่จะใช้ประชุมวีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์ไว้แล้ว โดยนายกรัฐมนตรี จะนั่งประชุมอยู่บนห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่รองนายกฯและรมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่มีห้องทำงานอยู่ในทำเนียบฯ จะใช้ห้องประชุม 301 บนตึกบัญชาการ 1 ร่วมประชุม ส่วนเลขาฯครม.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)จะประจำอยู่ที่ตึกสลค.อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายกฯ อยู่ระหว่างการหารือว่าจะให้รองนายกฯท่านใดไปนั่งร่วมประชุมห้องเดียวกันกับนายกฯบ้าง ซึ่งจะมีการพิจารณาตามความจำเป็น ส่วนรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง จะให้นั่งประชุมอยู่ที่กระทรวงของตนเอง และได้ดำเนินการติดตั้งระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์ ไว้เรียบร้อยแล้ว

สำหรับการแถลงข่าวผลการประชุม ครม.นั้น นายกรัฐมนตรี และทีมงานที่เกี่ยวข้องอยู่นะหว่างการพิจารณาว่าจะใช้รูปแบบใด แต่ทั้งนี้ได้มีการเตรียมห้องโถง ตึกสันติไมตรีไว้ กรณีที่นายกฯจะแถลงด้วยตัวเอง จะไม่ใช้ตึกบัญชาการ 1 เนื่องจากสถานที่คับแคบและแออัดเกินไป เพราะมีสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก อีกทั้งจะมีการจัดที่นั่งที่มีระยะห่างตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ส่วนเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล มีรายงานว่ากำลังพิจารณาแบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนหนึ่งประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ทำงานที่บ้าน ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ทำงานที่ทำเนียบเหมือนเดิม แต่จะใช้วิธีให้ทำงานเหลื่อมเวลากัน โดยจะรอความชัดเจนอีกครั้งในสัปดาห์นี้