เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเชิญชวนให้ประชาชนไปร่วมกันบริจาคโลหิต เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลให้มีจำนวนผู้บริจาคลดน้อยลง นอกจากนี้ ยังได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคโลหิต โดยผู้ที่สัมผัสโรค หรือมาจากต่างประเทศขอให้งดการบริจาค 28 วัน นับจากวันที่สัมผัสกับโรค ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแต่หายจากโรคแล้วต้องงดบริจาค 180 วัน นับจากวันที่หายป่วย ส่วนผู้ที่จะบริจาคพลาสมาไปให้กับผู้ป่วย จะต้องตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้ออยู่ในเลือด

ทั้งนี้ข้อความระบุว่า

“โควิด-19 กับการขาดแคลนโลหิต
ในช่วงการระบาดใหญ่ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ผลตามมาที่ไม่มีใครคาดคิด คือจำนวนโลหิตที่จะต้องใช้กับผู้ป่วย ในภาวะปกติ และผู้ที่เป็นโรคโควิด-19 ขาดแคลนอย่างหนัก
นักศึกษาแพทย์จีน ผู้มีใจงดงาม มาช่วยกันบริจาคโลหิต เพื่อใช้กับผู้ป่วย ดังในภาพนี้ พร้อมเชิญชวนให้มาบริจาคโลหิต
ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ในขณะนี้ เมื่อมีการปิดห้าง ลดการเดินทาง และทุกคนเริ่มมีความกลัว
จำนวนโลหิตในประเทศไทย มีผู้บริจาคลดลงอย่างมาก และถ้าในภาวะวิกฤต
โลหิตเริ่มจะไม่เพียงพอที่จะใช้ให้กับผู้ป่วย ตามโรงพยาบาลต่างๆ
ขอให้ ช่วยกัน มาบริจาคโลหิต และเก็บสำลองไว้ในยามวิกฤต
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น สัมผัสโรค หรือมาจากต่างประเทศ จะงดการบริจาค 28 วัน นับจากวันสัมผัสโรค
ผู้ที่หายจากโรค จะงดการบริจาคโลหิต 180 วัน นับวันที่หายจากโรค ยกเว้นผู้ที่จะบริจาคเพื่อใช้พลาสมาไปให้กับผู้ป่วย เราจะต้องตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้ออยู่ในเลือด
จึงอยากจะขอเชิญชวน ทุกท่าน ที่มีใจต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ในภาวะเกิดโรคระบาดแบบนี้ ช่วยกัน ไปบริจาคโลหิต ที่ศูนย์บริการที่อยู่ใกล้บ้านท่าน หรือโรงพยาบาลที่รับบริจาคโลหิต
ทางศูนย์บริการโลหิตทุกแห่ง ได้มีการเตรียมพร้อม และมีมาตรฐานสูง ในการป้องกัน ไม่ให้ท่าน ได้รับเชื้อโควิด-19 ในขณะที่ท่านอยู่ในศูนย์บริการโลหิต อย่างแน่นอน
ขอให้พวกเราทุกคน ช่วยกัน บอกต่อ เพื่อให้ทุกคนได้ทราบ ในภาวะวิกฤต ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ภาพที่นำมานี้ เอามาจากอินเทอร์เน็ต เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง การแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทย อาจจะไม่ครบสมบูรณ์ 100% ต้องขอขอบคุณคุณพ่อของลูกศิษย์ที่ช่วยแปลให้”