สั่งลดแอลพีจีถังละ45บ.3เดือน-ตรึงเอ็นจีวีต่อ5เดือนอานิสงส์น้ำมันลด – ช่วยลดกระทบโควิด

สั่งลดก๊าซแอลพีจีถังละ45บ.3เดือนพร้อมตรึงเอ็นจีวีต่อ5เดือนหลังได้อานิสงส์น้ำมันลด – ช่วยลดกระทบโควิด

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)เมื่อวันที่ 19 มีนาคม โดยได้เห็นชอบลดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นจากเดิม 17.17 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) เหลือ 14.37 บาทต่อกก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกแอลพีจี ขนาดถัง 15 กก. ลดลง 45 บาทต่อถัง หรือลดจาก 363 บาท เหลือ 318 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน
โดยหลังจากนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(อบน.) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม เนื่องจากสถานการณ์ราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะแพร่กระจายของไวรัสโควิด – 19

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถทั่วไป โดยขอความร่วมมือปตท. ให้คงราคาขายปลีกเอ็นจีวีที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) สำหรับรถโดยสารสาธารณะ ในเขต กทม. ปริมณฑล อาทิ รถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รถตู้ร่วมขสมก. และในต่างจังหวัด อาทิ รถโดยสาร มินิบัส สองแถวร่วมขสมก. รถโดยสาร รถตู้ ร่วม บขส. และรถแท็กซี่ ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2563 และให้คงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี รถทั่วไปที่ 15.31 บาทต่อกก. ต่อไปอีก 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม – 15 สิงหาคม 2563 เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันเดียวกันมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกพช.เห็นชอบร่างแผนด้านพลังงานที่ปรับปรุงใหม่ 4 ฉบับ ระยะเวลา 20 ปี(2561-2580) ทั้งแผนผลิตไฟฟ้า (พีดีดี) แผนพลังงานทดแทน (เออีดีพี) แผนอนุรักษ์พลังงาน (อีอีพี) และแผนด้านก๊าซ เพื่อสนับสนุนนโยบาย เอ็นเนอร์ยี่ ฟอร์ ออล พร้อมเดินหน้าผุดสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) สนับสนุนโครงการแซนบ็อกซ์ และให้คงอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานต่อไปอีก 2 ปี รวมทั้งผ่านหลักเกณฑ์โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก