อดีตคณะทำงาน ร.อ.ธรรมนัส ร้องปอท.เอาผิด พ.ร.บ.คอมพ์”เสี่ยบอย”

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) นายพิตตินันท์ รักเอียด อดีตคณะทำงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สุโกศล ทองแกมแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.ให้ความดำเนินคดีฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กับความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อ นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย ที่โพสต์ภาพตนเองกับนายพิตตินันท์ จนสังคมเข้าใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง

นายพิตตินันท์ กล่าวว่ามาให้การในฐานะพยานกรณีที่ บก.ปอท.ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับนายบอย เรื่องโพสต์คลังหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น และนำพยานหลักฐานมาให้ บก.ปอท.เอาผิดนายบอย ตามที่เคยแจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าชนะ ข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สำหรับนายบอยนั้น รู้จักกันผ่านรุ่นน้องที่รู้จักชื่อ “กัน” ตอนไปทานอาหารที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แล้วพบกับบอยเพียง 3 ชั่วโมง โดยที่ไม่รู้จักมาก่อนเลย กระทั่งนายกันบอกว่า นายบอย มีหน้ากากอนามัยขาย จึงขอซื้อหน้ากาก 4-5 พันชิ้น เพื่อนำไปแจกให้กับชาวบ้านในที่ดูแลของตนในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวกับ ร.อ.ธรรมนัส หรือใครทั้งสิ้น โดยยังไม่ทันได้คุยเรื่องราคาแต่ปรากฎว่านายบอย ไม่ขายให้ ซึ่งไม่ทราบว่าจะขายกี่ชิ้นจนมาทราบตามข่าวคาดว่าคงจะขายเป็นล้านชิ้น

นายพิตตินันท์ กล่าวยืนยันว่าตนก็รักประเทศ มีความตั้งใจในการทำงานในพื้นที่ การโดนปลดครั้งนี้ไม่มีอะไร มองว่าเป็นกรรม เพียงการพบกัน 3 ชั่วโมงในครั้งนั้นทำให้ชีวิตตัวเองเปลี่ยน ทั้งตนเดือดร้อน นายเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ ขอโทษ ร.อ.ธรรมนัส และทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้มีปัญหา เมื่อเกิดอะไรขึ้นมาทุกอย่างก็เป็นการเมือง
ตอนนี้สังคมจะตราหน้าอย่างไรขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตนไม่ได้ออกมาแก้ข่าว เรามีกระบวนการทางกฎหมาย มีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน จึงออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองและครอบครัว รวมถึงบุคคลที่รัก ยืนยันว่าตน และ ร.อ.ธรรมนัส ไม่เกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากแน่นอน เมื่อถามว่าจากนี้จะเอาผิดเพจแหม่มโพธิ์ดำด้วยหรือไม่ นายพิตตินันท์กล่าวว่า สำหรับคนที่ด่าหรือทำลายชื่อเสียงคนในวงษ์ตระกูลตนนั้น มองว่าการให้อภัยคือความสุขของตัวเอง แต่ทนายกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการเอาผิดทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งการโพสต์และแชร์ข้อความทั้งหมด