วันที่ 7 มี.ค. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการเตรียมแจกเงิน 2,000 บาท ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า นโยบายการเงินการคลังแบบนี้

เรียกว่า เฮลิคอปเตอร์มันนี่ (Helicopter Money) เปรียบเหมือน ถือถุงเงินขึ้นเครื่องบินแล้วโปรยแจกลงมาโดยเงินจะถึงมือผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงหรือไม่ยังเกิดคำถาม

เพราะจากข้อมูลหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่เงินนี้ก็ต้องเอาไปใช้หนี้ก่อน ซึ่งส่วนตัวคิดว่า ควรมีมาตรการช่วยเหลือแบบเจาะกลุ่ม อาทิ คนตกงานจากภาคอุตสาหกรรม หรือภาคท่องเที่ยวบริการ รวมถึงการใช้มาตราที่ไม่ก่อหนี้ของภาครัฐเพิ่ม แต่สามารถลดภาระประชาชนที่กำลังได้รับผลกระทบจากโรคระบาดได้

เช่น ช่วยเหลือค่าเช่าแผงตามตลาดสด รวมถึงในห้าง ที่พ่อค้าแม่ค้าขายข้าวแกง แบกรับอยู่ในแต่ละเดือน รัฐควรหาทางไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ รวมถึงเอางบตรงนี้ไปลดหรืองดเว้นค่าเช่าแผงไปก่อน 1-3 เดือนได้หรือไม่

“แบบนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือไม่ก่อหนี้ภาครัฐเพิ่ม แถมพ่อค้า แม่ค้าจะกล้าขายของในราคาที่ถูกลง ส่วนชาวบ้านได้อิ่มท้องในราคาประหยัดกว่าเดิม ผู้มีรายได้น้อยเท่านั้นที่ได้รับอานิสงค์มาตรการเยียวยาลักษณะนี้ เศรษฐีคนมีเงินมากๆ เขาคงไม่ค่อยมาเดินบริโภคส้มตำตามตลาดสดแน่นอน”นายอิสระ กล่าว?

นายอิสระ กล่าวว่า ที่สำคัญรัฐควรจะรักษาสถานะทางการเงินของประเทศให้อยู่ในระดับที่มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ร้ายที่สุด หากเราเอาโรคโควิด-19 ไม่อยู่ เมื่อเข้าขั้นที่ 3 อาจต้องใช้เงินมหาศาลทุ่มสร้างโรงพยาบาลชั่วคราว อาหารและยาเต็มพิกัด

รวมถึงดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องฝ่าฟันกับโรคระบาด ซึ่งตนสนับสนุนมาตรการลดภาษี และผ่อนปรนหนี้ เพราะเป็นการลดรายได้ของรัฐ แต่การแจกเงินเป็นการเพิ่มรายจ่ายของรัฐ ซึ่งในต่างประเทศ มักจะใช้มาตราลักษณะนี้เป็นหนทางสุดท้าย