‘ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ’ ชี้ คนเชื่อปชต. ไร้สุขตั้งแต่ปี 43 รับ อึดอัด เสื้อแดงไม่ไว้ใจ ผู้ใหญ่ไม่ชอบ

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ร้านหนังสือก็องดิด เดอะแจมแฟคทอรี่ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ มีการจัดงานเปิดตัวหนังสือ ‘มองเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่’ ผลงานของ รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดพิมพ์โดยปาตานี ฟอรั่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานดังกล่าวมีการจัดเสวนาโดยหนึ่งในผู้ร่วมเสวนา คือ นายฟูอาดี้ พิศสุวรรณ บุตรชาย ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยในตอนหนึ่ง นายฟูอาดี้ ได้กล่าวถึงบทหนึ่งของหนังสือ ‘มองเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่’ ซึ่งมีเนื้อหาที่อ่านแล้วรู้สึกมีความหมายกับตัวเอง ทำให้นึกถึงเรื่องราวที่นายจิมมี่ ชวาลา นักธุรกิจชื่อดังที่นครศรีธรรมราชเล่าให้ตนฟังว่า ในการอภิปรายในสภา บิดาของตนเรียกนายบรรหาร ศิลปอาชาว่า ‘เจ๊ก’ นายจิมมี่จึงโทรศัพท์ไปพูดคุย

“หลังคุณพ่อเรียกคุณบรรหารว่า เจ๊ก ลุงจิมมี่โทรไปหาคุณพ่อ บอกว่า สุรินทร์ ยูแน่ใจเหรอว่าจะใช้คำนี้ ยูไม่ควรพูดแบบนี้ ลองคิดดูว่าถ้าคนอื่นมาพูดว่ายูเป็นมาเลย์ ไม่ใช่คนไทย จะรู้สึกอย่างไร หลังจากวันนั้น พ่อซอฟต์ลงเยอะ คิดมากขึ้นเยอะในการใช้คำ ว่าจะเลือกใช้คำว่าอะไรในการว่ากล่าวใคร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก” นายฟูอาดี้กล่าว

นอกจากนี้ ในงานเดียวกัน นายฟูอาดี้ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ที่เชื่อในประชาธิปไตยจริงๆ ไม่มีความสุขตั้งแต่ พ.ศ.2543 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

“คนที่เชื่อในประชาธิปไตยจริงๆ ต้องไม่มีความสุขเลยในระยะตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา เพราะต้องต่อต้านทักษิณ ต้องต่อต้านรัฐประหาร 2549 ต้องต่อต้านอภิสิทธิ์ตอนปราบเสื้อแดง ต้องต่อต้านรัฐบาลชุดนี้ และผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีความเป็นแดงอยู่ในตัว เพราะแดงคือการตั้งคำถามกับสังคม การตั้งคำถามกับนักเรียน การยอมให้นักเรียนตั้งคำถามกับเรา ถ้าไม่ได้เลเบิลว่านักวิชาการเสื้อแดงบ้าง อาจารย์คนนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นอาจารย์ คือต้องแดงบ้าง พูดอะไรต้องโดนด่าบ้าง หรือพูดแล้วต้องโดนด่าจากทั้ง 2 ฝ่าย”

นายฟูอาดี้ยังเปิดเผยว่า สำหรับตนนั้น ฝ่ายอนุรักษนิยม คือผู้ใหญ่ก็ไม่ชอบตน เสื้อแดงก็ไม่เชื่อใจตนอีก ทำให้รู้สึกอึดอัดมาก แต่เสื้อส้มน่าจะชอบบ้าง เพราะตนรู้ว่าเขียนอะไรแล้วเสื้อส้มจะชอบ

“ผมคิดว่าการเป็นนักวิชาการมันต้องวิจารณ์ทุกอย่างแล้วบางครั้งฝั่งนี้ก็ชอบ ฝั่งนู้นก็ไม่ชอบ มันต้องมีปัญหากับทุกคน สิ่งที่เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้คือการช่วยยืนยันความเชื่อของผมพอสมควรว่าการเป็นนักวิชาการที่ดีคืออะไร การเป็นอาจารย์ที่ดีคืออะไร จริงๆผมยังไม่เคยเป็นอาจารย์อย่างจริงจัง แต่หวังจะได้มีโอกาสตรงนี้”

จากนั้น นายฟูอาอี้ได้กล่าวถึงกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่าการที่มีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นมา ซึ่งตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคดังกล่าวตลอด อย่างไรก็ตามพรรคนี้ทำให้ความอยากในการใช้ความรุนแรงของคนลดลง เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองมีทางเลือก แต่การไปยุบพรรคอนาคตใหม่ทำให้ทางเลือก และโอกาสในการใช้วิถีทางรัฐสภา และสันติวิธีหายไป ซึ่งมีผลกับรัฐไทยมาก แต่รัฐไทยไม่ได้คิดเรื่องนี้ ถ้าคิดอาจไม่ยุบพรรคก็ได้