‘น.ร.เตรียมอุดมฯ’ รวมตัวต่อต้านเผด็จการ ‘โบว์ ณัฏฐา’ โผล่ให้กำลังใจ

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักเรียนเตรียมอุดมที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย และศิษย์เก่ากว่า 100 คน นัดหมายรวมตัวบริเวณลานหม่อมหลวงปิ่น โดยเปลี่ยนจากจุดนัดหมายเดิม คือ สนามฟุตบอล เนื่องจากโรงเรียนออกหนังสือราชการไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาในบริเวณโรงเรียน ทั้งนี้ได้มาร่วมกันแสดงจุดยืนและเขียนแสดงความเห็น เพื่อแสดงออกถึงการเป็นต้นกล้าประชาธิปไตย และต้นกล้าสู่อนาคต โดยมีการวางพวงหรีด พร้อมกับป้ายระบุว่า “Youth, Future, Democracy #เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ” และป้ายติดต้นไม้ระบุข้อความว่า “จะอนาคตใครถ้าไม่ใช่อนาคตเรา” และ “ตอ. ต้นกล้าประชาธิปไตย หรือ เผด็จการ?”

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นักเรียนได้ตั้งโต๊ะแจกหน้ากากอนามัย หมวก และเจลล้างมือ ระหว่างนี้มีศิษย์เก่าเตรียมอุดม รุ่น 37 คนหนึ่ง ออกมาระบุว่าตนไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือไม่ให้เข้าภายในโรงเรียน ตนจะขออยู่ข้างนอกเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมือง เพราะต้องการประชาธิปไตย ทั้งนี้มีเจ้าหนาที่ตำรวจ และผู้แทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 กรุงเทพมหานคร (สพม.เขต 1 กทม.) มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ต่อมาตัวแทนนักเรียน ขอให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อไว้อาลัยประชาธิปไตย

ต่อมาเวลา 08.42 น. ตัวแทนนักเรียนเริ่มกล่าวปราศรัย ระบุว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มีประวัติมายาวนาน ก่อตั้งตามหลัก 6 ประการ ของคณะราษฎร ซึ่งข้อที่ 6 ระบุว่า จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่กับราษฎร ฉะนั้นจะบอกว่าโรงเรียนไม่ยุ่งกับการเมือง เป็นไปไม่ได้ เพราะตลอดมาโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ได้ไปอยู่ในแถวหน้าของการเมืองตลอด ไม่ว่าจะในเหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง นักเรียนก็เดินออกมาให้กำลังใจ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หรือในเหตุการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาต่อต้าน นายทักษิณ ชินวัตร ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็มีนักเรียนเตรียมอุดมฯ ขึ้นเวทีปราศรัย หรือในปี 2556 เหตุการณ์คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ออกมาชุมนุม นักเรียนได้นัดกันหยุดเรียนเพื่อร่วม Shutdown กรุงเทพฯ ดังนั้นจะบอกว่าโรงเรียนไม่ยึดโยงทางการเมือง คงจะไม่เป็นความจริง

“นอกจากนั้น โรงเรียนมีศิษย์เก่าที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมากมายหลายคน เช่น จิตร ภูมิศักดิ์, วิชิตชัย อมรกุล ที่ไปต่อสู้ในวันที่ 6 ตุลาคม จนถูกแขวนคอจับฟาดเก้าอี้, โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และ เรามีรุ่นพี่ชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ด้วย” ตัวแทนนักเรียนกล่าว
นักเรียนอีกราย กล่าวว่า จะเห็นได้ว่ารุ่นพี่ส่วนใหญ่ที่จบจากเตรียมอุดมฯ เป็นบุคคลที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในยุคสมัยต่างๆ และในปัจจุบันนี้ตนและเพื่อนๆ เชื่อว่าประชาธิปไตยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราทุกคนควรจะได้รับ เพราะประชาธิปไตยเป็นระบบที่เปิดกว้าง ที่สามารถรับข้อติ หรือข้อแนะนำ ทักท้วงในสิ่งต่างๆ ที่ผู้นำมองไม่เห็น เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกัน และปัจจุบันประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ประชาชนรักมากแต่ไม่สามารถมีได้อย่างเต็มที่ การที่พวกตนรวมตัวกันครั้งนี้เพื่อเรียกร้องสิทธิ และประชาธิปไตยกลับคืนมา

ด้านตัวแทนนักเรียนหญิง กล่าวว่า วันนี้ที่เราได้มีพื้นที่ออกมาแสดงจุดยืน และยังถูกตั้งคำถามมากมายจากสังคม แต่เรายืนยันว่าเรามีเพียงแค่เสียงกับอุดมการณ์ ไม่มีแม้แต่อำนาจในมือ เพราะอำนาจที่เราพึงมี เผด็จการได้พรากมันไปจากเราตั้งแต่เกิด เราเรียกร้องแค่ความเท่าเทียมซึ่งเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย วันนี้ในฐานะนักเรียนของโรงเรียน และในฐานะประชาชนของประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะแปลกอะไรที่เราจะออกมาแสดงจุดยืน ออกมาแสดงออกทางการเมือง เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยทุกอย่าง

“เราหวังว่าเสียงของเราจะดังพอ ให้ผู้มีอำนาจในทุกสถาบันของสังคมตระหนักได้ว่าใครคือเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และช่วยคืนอำนาจนั้นกลับมาที่พวกเราด้วย” ตัวแทนนักเรียนหญิง กล่าว
นักเรียนอีกรายกล่าวว่า ตนได้รับคำทัดทานว่าเป็นเด็กทำไมต้องมาประท้วง หรือชุมนุมทางการเมือง ซึ่งตนขอตั้งคำถามกลับว่า เพราะเราเป็นเด็กหรือถึงออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ได้ เพราะไม่ได้เกรด 4.00 หรือ ถึงออกความเห็นทางการเมืองไม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าเราไม่เริ่มทำอะไร ต่อไปเราไม่มีอนาคต

ต่อมาเวลา 08.54 น. ตัวแทนนักเรียนได้อ่านแถลงการณ์ในโอกาสงานรวมตัวแสดงพลัง “เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ” ระบุว่า เนื่องด้วยในสถานการณ์การเมืองไทยปัจจุบันที่มีความตึงเครียดสูงจากระบอบผด็จการ ทั้งจากการสืบทอดอำนาจรัฐบาลมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจรัฐเพื่อกลั่นแกล้งและกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ทั้งการดำเนินคดีกับนักสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมทางการเมือง การใช้คำสั่ง คสช. เพื่อยับยั้งไม่ให้มีการรวมกลุ่มของประชาชน และการยุบพรรคฝ่ายค้าน ทั้งพรรคไทยรักษาชาติ และพรรคอนาคตใหม่ ก่อให้เกิดการรวมตัวเพื่อแสดงพลังของมวลชน
นักเรียนปัจจุบันและศิษย์เก่าโรงเรียนตรียมอุดมศึกษา จึงขอรวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านเผด็จการ และอำนาจนิยม ที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย มีให้เห็นเป็นนิจทั้งในโรงเรียนและการเมืองระดับประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งยังต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะพลมือง อันไม่มีขอบเขตของอายุและระดับการศึกษา เยาวชนจึงมีเสรีภาพในการแสดงออกด้านการเมืองไม่ต่างจากผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว

อนึ่ง การรวมตัวในครั้งนี้มิได้เกิดขึ้นหรือถูกควบคุมโดยกลุ่มทางการเมืองอื่นใด หากแต่มีเพื่ออำนวยพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นแก่เยาวชนอย่างอิสระเท่านั้น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้เพาะต้นกล้าของแผ่นดินมาเป็นเวลายาวนานกว่า 83 ปี เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ขณะนี้ ต้นกล้าของแผ่นดินพร้อมที่จะเติบโตแล้ว เป็นต้นแห่งประชาธิปไตยอันเจริญงอกงาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาตัวแทนนักเรียน ขอให้ผู้ร่วมชุมนุมร้องเพลง “Do you hear the people sing?” “แสงดาวแห่งศรัทธา” และร่วมกันบูม “Democracy” ปิดท้ายด้วยเพลง “ปิ่นหทัย” ซึ่งเป็นเพลงประจำโรงเรียน เพื่อจบกิจกรรมและแยกย้ายกันกลับ

ต่อมาเวลา 09.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง มาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจนักเรียน โดยน.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า ตนดีใจมากที่ น้องๆ กล้าสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของตนเอง ถ้า 5 ปีก่อนพวกเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ออกมาแสดงความคิดเห็นและออกมาแสดงจุดยืนอย่างมากพอ ที่เราเริ่มรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ถ้าวันนั้นเราทำสำเร็จ จะไม่มีวันนี้ที่นักเรียนออกมาแสดงจุดยืนแสดงออกทางการเมือง ต่อไปตนเชื่อว่าถ้าเรามีจำนวนมากพอและรวมกันอย่างเข้มแข็ง ทุกสถาบัน ทุกภาคส่วน จะรับฟังเสียงของเราและจะทำอะไรเราไม่ได้ ทั้งนี้ก่อนนี้ที่เราเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ก็ถูกสกัดอย่างหนัก เพราะเรามีจำนวนไม่มากพอ

ด้านนายธนารัชต์ สมคเณ รองผู้อำนวยการ สพม.เขต 1 กทม. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์วันนี้ เพราะกังวลว่าบุคคลภายนอกจะเข้ามายุ่งกับการจัดกิจกรรมของนักเรียน แต่ทางโรงเรียนได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล ทำให้การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีกิจกรรมลักษณะนี้ในโรงเรียนอีก ตนขอให้ครูและโรงเรียนดูแลความปลอดภัยของนักเรียนด้วย

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน