‘อนุทิน’ ยัน รับ 9 งูเห่าสีส้มเข้าภูมิใจไทย เป็นไปตาม ‘รัฐธรรมนูญ’ ไม่สนใจส.ส.ครองอันดับ 2 พรรคร่วมรบ.

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่พรรคภูมิใจไทยทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแจ้งว่าได้รับส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่เข้าพรรคแล้ว ว่า ตนยังไม่ได้มีโอกาสได้พบกับส.ส.ทั้ง 9 คน ส่วนหนังสือที่ทำถึงประธานสภา ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ขั้นตอนต่อไปคือการส่งใบสมัครแจ้งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อแจ้งแล้วก็จะเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอย่างสมบูรณ์ ส่วนจะมีการต้อนรับอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำงาน มาทำงานไม่มีอะไรต้องฉลอง อย่างที่ตนเรียนว่าพรรคภูมิใจไทยก็เปิดกว้าง และสิ่งที่ทำลงไปก็อยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ที่จะย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทยก็มีความหวัง และสิ่งที่ต้องการกับบ้านหลังใหม่ ซึ่งอาจจะขัดแย้งกับคำมั่นสัญญาที่เคยให้กับประชาชนในช่วงที่อยู่พรรคอนาคตใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า บ้านหลังใหม่ไม่ใช่บ้านที่จะทำให้สมาชิกทุกคนมีความสุขสบายใจ แต่บ้านหลังนี้เข้ามาต้องทำให้ประชาชนสบายใจ และทำให้ประชาชนได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องให้ประโยชน์กับประชาชน ไม่ใช่ให้ประโยชน์กับคนในบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคนทำงาน

ส่วนที่ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยขยับขึ้นมาเป็นพรรคการเมืองที่มีเสียง ส.ส. เป็นอันดับ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่ได้คิดตรงนี้เลย ขอให้เป็นพรรคที่มีบทบาทสามารถทำงานได้ในหน่วยงานที่กำกับดูแล และทำงานให้เกิดความเจริญแก่บ้านเมือง นั่นคือสิ่งที่เราอาสามาทำงาน ยังไม่รู้เลยอันดับอะไร”

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือว่าจะเกิดแรงเสียดทางจากประชาชนที่มีต่อ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า “ทำงานไป พวกผมโดนแรงเสียดทานมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว ก้มหน้าก้มตาทำงานไป หากทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ก็คงจะได้รับความเห็นใจและความไว้ใจจากประชาชนเอง พรรคภูมิใจเลือกตั้งครั้งแรกปี 2554 เราได้ส.ส. 30 กว่าคน แล้วมาปี 2562 เรามี ส.ส. 51 คน ก็ถือว่าคงได้รับความสงสารความเห็นใจจากประชาชน เพราะเราเป็นพรรคทำงาน เราไม่ได้มาเดินเกมการเมือง เพราะเราอ่อนเรื่องการเมือง แต่แข็งเรื่องการทำงาน เราตั้งพรรคนี้ขึ้นมาเพื่อให้ปากท้องของคนไทยเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด มันเป็นความใฝ่ฝันของผม และทุกคนในพรรค”