บิ๊กป๊อกแจง ม.44 เป็นทางออก ต่อสัญญาบีทีเอสเพื่อช่วยประชาชน ลดภาระค่าโดยสาร

บิ๊กป๊อกแจง ต่อสัญญาบีทีเอสเพื่อช่วยประชาชน ลดภาระค่าโดยสาร ชี้มาตรา 44 ช่วยทางออกให้ทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฏร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเดิมจะสิ้นสุด ปี 2572 แต่ กทม.ได้มีการต่อสัญญาในส่วนต่อขยายที่ 1 เพื่อจ้างบีทีเอสเดินรถ และ รฟม.ได้ทำส่วนต่อขยายในช่วงสีเขียวและสีเขียวใต้ ที่ผ่านมา รฟม.ก่อสร้างโดยใช้เงินกู้เพื่อสร้างทั้ง 2 ส่วน แต่ในการจะดำเนินการในอนาคตจำเป็นต้องจ้างเดินรถและมีแนวโน้มว่าจะขาดทุน เพราะเป็นส่วนต่อขยายในช่วงชานเมือง จนไม่สามารถคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ ซึ่งทั้งโครงการนี้มีหนี้แสนกว่าล้านบาท การบริการสาธารณะของ กทม.ไม่มีสภาพคล่องจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ในการแก้ไขปัญหาก่อนจะมีคำสั่งของ คสช.นั้นมีผลกระทบที่ตามมา คือประชาชนต้องแบกภาระค่าโดยสารเต็มระยะสูงสุด 158 บาท หากรอให้สัมปทานหลักหมดอายุลง เอกชนรายใหม่จะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นจากสัมปทานเดิมและสัญญาจ้างเดินรถ หรือหากจะเปิดประมูลเอกชนรายใหม่จะต้องใช้เวลา 2-3 ปี เพื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และประชาชนต้องแบกรับภาระ จึงเป็นที่มาของการมีคำสั่ง คสช.

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าคำสั่ง คสช.ไม่ได้เป็นการต่อสัญญาสัมปทาน แต่เป็นการไปหาทางออกว่าจะทำอย่างไรเพื่อลดภาระของประชาชน โดยจะมีขั้นตอนคล้ายกับพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ที่มีคณะกรรมการที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานเข้ามามาดำเนินการ เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็ว เพราะเวลาที่เดินไปนั้นหมายถึงดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายออกไปด้วย ซึ่งการเจรจานั้นได้ยึดหลักประชาชนได้ค่าโดยสารเป็นธรรม กทม.และรัฐบาลต้องไม่มีภาระหนี้และผลตอบแทนการลงทุนของเอกชนอยู่ในอัตราที่เหมาะสม ทั้งนี้ สัญญาสัมปทาน 30 ปี จากสัญญาเดิมที่เหลืออีก 10 ปีนั้น ในปี 2562-2572 ในช่วง 10 ปีแรกยังคงเป็นสัญญาเดิม กทม.ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โดยเอกชนจะเป็นผู้รับภาระแทนตลอด 10 ปี ปี 2573-2602 เริ่มสัญญาสัมปทานใหม่ หลังจากสัมปทานเดิมสิ้นสุดลง สัมปทานใหม่อายุ 30 ปี โดยจะมีการแบ่งรายได้ให้ กทม. ทั้งหมดนี้เป็นการแก้ไขปัญหาโดยคำสั่งของ คสช. ซึ่งไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ใครทั้งสิ้น