‘พรเพชร’ ไม่ขอวิจารณ์ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ยัน เลือกตุลาการฯ ช้า ไม่เกี่ยวกับ ส.ว.

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ว่า ส่วนตัวคงไปวิจารณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ สำหรับการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อทดแทนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องพ้นจากตำแหน่งนั้น วุฒิสภาได้ดำเนินการให้ความเห็นชอบเสร็จแล้ว โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการให้บุคคลที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาลาออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในอีกสองวันนี้ เมื่อลาออกจากตำแหน่งแล้วจะมีหนังสือไปยังเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ต่อไป

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแทนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 คน ที่หมดวาระการดำรงตำแหน่งที่เป็นไปอย่างล่าช้า เพราะมีสาเหตุมาจากกระบวนการของวุฒิสภา ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า “ไม่ใช่ วุฒิสภาไม่ได้สรรหา แต่มีคณะกรรมการสรรหา อย่าเกี่ยวกัน เอาละ มันผ่านไปแล้วตอนนี้ มันไม่ได้ล่าช้า หรือล่าช้าก็แล้วแต่จะวิจารณ์กัน แต่ของผมไม่ได้ล่าช้า ประธานวุฒิสภาไม่ได้ล่าช้า ทำตามเป๊ะเลย”

สำหรับการสรรหาและคัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 1 คนแทนบุคคลที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อนหน้านี้ นายพรเพชรกล่าวว่า จะต้องส่งหนังสือไปให้ศาลปกครองดำเนินการสรรหาและส่งมาให้วุฒิสภาใหม่ภายใน 30 วัน

เมื่อถามว่า การยุบพรรคเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของศาลรัฐธรรมนูญชุดเดิม นายพรเพชรกล่าวว่า “ผมไม่รู้ เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ”

เมื่อถามถึงสาเหตุที่วุฒิสภามีการขยายเวลาการทำงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถึง 3-4 ครั้ง นายพรเพชรกล่าวว่า ตอนแรกมีการขอระยะเวลาการทำงานไม่ครบ 60 วัน เพราะตอนนั้น ส.ว.อาจจะคิดว่าการตรวจสอบประวัติอาจใช้เวลาไม่นาน

เมื่อถามว่า การขอขยายเวลาการทำงานลักษณะนี้ถึง 3-4 ครั้งเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบประวัติฯและการสรรหา อย่างไรก็ตาม มีการสอบกันในที่ประชุมวุฒิสภา ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตำแหน่งที่สำคัญและเมื่อหนังสือร้องเรียน จึงจำเป็นต้องมีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง

ทั้งนี้ นายพรเพชร กล่าวถึงการออกมาตรการให้ดูแลอาคารสุขประพฤติ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาและ ส.ว. ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองภายหลังมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นการดำเนินการเนื่องจากเห็นว่าระยะหลังมีบุคคลเดินทางมายังอาคารสุขประพฤติจำนวนมาก จึงต้องการให้เกิดความเรียบร้อย