“ช่อ” ยังหวัง ส.ส.อนาคตใหม่ เดินในอุดมการณ์เดียวกัน หลังข่าวลือหนักแห่ซบฝั่งรบ.

“ช่อ” ไร้ความเห็นข่าวส.ส.อนาคตใหม่ แห่ซบพรรคฝั่งรบ.โยนไปถามเจ้าตัวเอง หวังยังเดินในอุดมการณ์เดียวกัน วอนอย่ามองการลงถนนเป็นเรื่องเลวร้าย-ป่วนเมือง ชี้ หากอยู่ในขอบเขตกฎหมายย่อมเป็นสิทธิที่ทำได้

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ฝั่งธนฯ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช อดีตส.ส.และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่บางส่วนย้ายขั้วไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐและพรรคฝั่งรัฐบาล ว่า ในฐานะที่ถูกตัดสิทธิและพรรคถูกยุบไปแล้ว ตนคงไม่สามารถพูดแทนส.ส.ซึ่งเป็นส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ได้ ผู้แทนราษฎรของพรรคอนาคตใหม่ย่อมจะต้องตัดสินใจกันว่าจะเดินไปด้วยกันสู่พรรคไหนอย่างไร ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรค เราได้พูดกันหลายครั้งแล้วว่าเราหวังว่าผู้แทนราษฎรของเราจะเดินไปเป็นกลุ่มก้อนในอุดมการณ์เดียวกัน ทั้งนี้ เราก็ได้แต่เชื่อมั่นและหวังว่าจะเดินไปด้วยกันในอุดมการณ์เดียวกัน ส่วนจะไปอยู่พรรคไหนนั้นให้ไปสอบถามกับอดีตส.ส.เอง

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ส่วนแนวทางและทิศทางของคณะอนาคตใหม่หลังจากนี้ แบบที่เราเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว พรรคอนาคตใหม่เคยประกาศไว้ว่าเราไม่ใช่แค่ต้องการชนะการเลือกตั้ง แต่ว่าต้องการปักธงทางความคิดด้วย เมื่อพรรคถูกยุบไปเหลือเพียงกลุ่มเป็นคณะอนาคตใหม่ การทำงาน ความคิดจะยังเดินหน้าต่อไป การรณรงค์เพื่อนโยบายที่เราเคยหาเสียงไว้เป็นจริงก็จะยังคงเดินต่อไป แต่เป็นการทำในนามของประชาชนคนธรรมดาที่ย่อมมีความหวัง ความคาดหวังทางการเมืองเหมือนกับคนอื่น เมื่อมีเหมือนกันมารวมตัวกันก็รณรงค์ทำงานด้านความคิดด้วยกัน รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นก็จะเป็นเรื่องที่คณะอนาคตใหม่จะผลักดันเข้าไปด้วย

เมื่อถามว่า กลุ่มคนที่จะมาขับเคลื่อนจะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่เหมือนเดิมหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ก็เหมือนตอนที่เราทำพรรคอนาคตใหม่ หลายๆคนก็บอกว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ เราก็พยายามพิสูจน์มาโดยตลอดว่ามันไม่ใช่เรื่องของอายุ ไม่มีความแตกต่างกันเรื่องของอายุ แต่ว่าเป็นเรื่องของความคิดและอุดมการณ์ถ้าตรงกัน จะอายุ 18 ปี หรือ 80 ปี ก็สามารถมาร่วมกันได้ คณะอนาคตใหม่ก็ทำแบบเดียวกัน ทำงานความคิดไม่ได้หมายความว่าเราจะไปทำงานแต่กับเด็กหรือวัยรุ่น แต่เป็นการรณงค์ทางความคิดกับคนทุกกลุ่มทุกวัย

เมื่อถามว่า คณะอนาคตใหม่จะเริ่มทำงานกันอย่างไร น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า คงต้องมีเวลาที่ต้องพูดคุยกัน เพียงแต่ตอนนี้หลังจากที่พรรคถูกยุบไปก็ยังมีงานธุรการที่ต้องดำเนินการ แต่หลังจากนี้คงจะมีการพูดคุยและวางแผนกันอย่างจริงจังของคณะอนาคตใหม่ว่าแพลนการทำงานจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า สำหรับกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิไปจะมีการอภิปรายนอกสภาอีกหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ ตอบคำถามว่า “ครั้งนี้ชอบไหม” ถ้าชอบก็อาจจะมีอีก เมื่อถามย้ำว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ จะมีการอภิปรายนอกสภาด้วยหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ขอให้ติดตามดูแล้วกัน

เมื่อถามว่า ทางกกต.เตรียมที่จะดำเนินการเอาผิดทางอาญาหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคไป น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ก็เป็น กระบวนการที่ทางกกต.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เรื่องนี้หากกกต.ดำเนินการเราก็เข้าสู่กระบวนการตามปกติไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า มีหลายคนมีความกังวลเรื่องการลงถนน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เรื่องลงถนนพูดหลายครั้งแล้วว่าสิทธิเสรีภาพการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้รับรองตามรัฐธรรมนูญ​ การพูดว่าลงถนนเราไม่อยากให้คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายหรือจะกลายเป็นเรื่องป่วนเมืองแต่อย่างใด ที่ผ่านมามีการแสดงออกการชุมนุมหลายครั้ง ในช่วงไม่กี่วันมานี้ก็มีหลายการชุมนุม ทุกครั้งก็มีความสงบเรียบร้อย ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อสังคมโดยรวม เพราะฉะนั้นคิดว่าการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อสภาพการณ์ในสังคม ต่อรัฐบาล หรืออะไรก็ตาม หากอยู่ในขอบเขตของกฎหมายประชาชนย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในการใช้สิทธินั้นในฐานะพลเมือง