‘ธนาธร’ บริสุทธิ์ใจให้พรรคกู้เงิน ลั่นทำทุกอย่างโปร่งใส เชื่อ หากถูกยุบ ส.ส.จะไม่แตกขั้ว

‘ธนาธร’ บริสุทธิ์ใจให้พรรคกู้เงิน ลั่นทำทุกอย่างโปร่งใส เชื่อ หากอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส.จะไม่แตกขั้ว 

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ชั้น 4 อาคารคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการจัดบรรยายเสวนาวิชาการ “ประชาชน อยู่ตรงไหน เมื่อตุลาการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” จัดโดย กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เข้าร่วมรับฟังเสวนา

ทั้งนี้นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ระหว่างการมีเสวนาว่า วิทยากรทั้ง 4 คนบรรยายถึงศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน และประชาชนตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งผศ.ธีระ สุธีวรางกูร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้พูดว่าเป็นธรรมดาที่ผู้ใช้อำนาจจะใช้อำนาจผิดหรือวินิจฉัยไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ดังนั้นในศาลปกติจึงมี 3 ชั้นในการตรวจสอบการทำงาน มีการถ่วงดุลกัน ส่วนศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลชั้นเดียวที่มีผลผูกพันกับทุกองค์กร ตนเห็นว่านักวิชาการมีหลายฝ่ายมองเห็นปัญหาว่าองค์กรอิสระไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน อย่าลืมว่าองค์กรอิสระที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนแต่ใ้ช้อำนาจแทนประชาชนอยู่ในรัฐธรรมนูญชุดนี้เต็มไปหมด ยกตัวอย่างเช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ แต่งตั้งโดยคสช. ซึ่งมีอำนาจในการตรวจสอบรัฐบาล โดยมีอำนาจในการตัดสินใจตีตกนโยบายของรัฐบาลได้ คนที่แต่งตั้งจากคสช.มีอำนาจมากกว่าประชาชน ในฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจในการแต่งตั้งวุฒิสภามากำกับดูแลการทำงานของส.ส. และมีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้งอำนาจตุลาการที่หลายคนมาจากยุคของคสช. ซึ่ง 3 อำนาจหลักทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ล้วนมาจากอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นเราควรกลับมายึดโยงกับหลักการเบื้องต้นของประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน

เมื่อถามถึงผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีเงินกู้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ พรรค อนค.จะมีแนวทางอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า เรายังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ ว่าทำไมต้องให้เงินกู้กับพรรค เพราะเราต้องการทำอย่างเปิดเผย เราพูดอยู่เสมอในการให้สมาชิกช่วยสนับสนุนซื้อสินค้าของพรรค หรือร่วมเป็นสมาชิกของพรรค เพื่อให้พรรคนำเงินสร้างพรรคและคืนเงินกู้ และเราไม่ต้องการให้นายทุนมาครอบงำ ถ้าตนจ่ายทุกอย่างในนามส่วนตัว โดยไม่ต้องสำแดง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ พนักงาน ถ้าวันนี้ตนไม่อยู่ พรรคจะทำอย่างไร เราต้องการสร้างพรรคให้เข้มแข็ง และนี่คือราคาที่ทุกคนต้องจ่ายร่วมกันเพื่อให้ได้พรรคแบบนี้ได้ เราต้องการสร้างพรรคที่โปร่งใสและเข้มแข็ง คนที่ร้องกับกกต. เขาไม่ได้ไปค้นเจอ แต่เขาไปร้องเพราะเขาได้ยินตนพูดในเรื่องเงินกู้ในที่สาธารณะ ดังนั้นตนไม่ได้ทำแบบมุบมิบ และตนพูดว่าตนให้กู้และต้องชำระคืน แต่การที่ตนพูดทุกอย่างกลับกลายเป็นหอกมาทิ่มแทงตน ยิ่งสำแดงยิ่งพัง ต่อไปต้องเก็บไว้ใต้ก้นให้หมด นี่คือเส้นทางที่เราอยากพาประเทศไปข้างหน้าแบบนี้หรือ

“ผมย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ในวันนั้นมีใครรู้จักผมบ้าง แล้วจะมีใครมาบริจาคให้พรรคเป็นร้อยล้าน ดังนั้นช่วงแรกในการก่อตั้งพรรคต้องใช้เงิน และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ระบุว่า พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 100 คนในแต่ละสาขาจังหวัด อีกทั้งยังต้องมีคอมพิวเตอร์ รถยนต์ สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เงินทั้งหมด ถามว่า ณ วันนั้นจะเอาเงินจากที่ไหน ผมเชื่อว่าการทำของพวกเราโปร่งใสและจริงใจ การให้เงินกู้กับพรรคก็ไม่ได้ทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ แต่ทำอย่างเปิดเผย ไม่ได้กลัวความผิด แต่ในวันนี้ทำให้เรารู้ว่าจะทำอะไรต้องเก็บไว้ข้างใต้ ประชาชนไม่ต้องรู้ว่าพรรคแต่ละพรรคใช้เงินเท่าไร นี่หรือที่สังคมต้องการ ซึ่งเราเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่มาเสมอ เราจึงต้องทำทุกอย่างให้โปร่งใสและซื่อสัตย์” นายธนาธร กล่าว

เมื่อถามว่า หากคำวินิจฉัยเป็นลบ จะมีส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ย้ายขั้วทางการเมืองหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า เราเชื่อมั่นในส.ส.ของเรา ณ ขณะนี้เหลือส.ส. 76คน และมีกรรมการบริหารพรรคอีก 11 คน ดังนั้นหากโดนยุบหรือตัดสิทธิ์กรรมการฯ ส.ส.พรรคจะเหลือ 65 คน ซึ่งเรามั่นใจอย่างหนักแน่นว่าส.ส.ของเราจะร่วมเดินทาง เพราะอนาคตใหม่คือผู้คนและการเดินทาง ไม่ใช่พรรคการเมือง และเราจะไปอยู่ที่พรรคใหม่สู่พรรคที่มีอุดมการณ์ร่วมกันอย่างเข้มแข็งและหนักแน่น

เมื่อถามว่าพรรคใหม่ที่ระบุนั้น จะมีการจัดตั้งใหม่หรือไม่ หัวหน้าพรรคอนค. กล่าวว่า คำถามนี้ตนไม่ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะเดี๋ยวเขาจะมายุบพรรคใหม่ก่อนที่จะได้เกิด ส่วนส.ส.ของพรรคที่เรามีอยู่เราอยู่ด้วยกันเพราะอุดมการณ์ ตนไม่ได้ให้เงินส.ส.เป็นรายเดือนอย่างพรรคอื่น ดังนั้นตนไม่มีอะไรที่จะดึงส.ส.ได้ แต่สิ่งที่ดึงได้อย่างเดียว คือ ความจริงใจ ความตั้งใจ ความหนักแน่นในอุดมการณ์

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ นอกสภาควบคู่ไปในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายธนาธร กล่าวว่า 16 คนของพรรคอนาคตใหม่ ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีหลายคนเป็นกรรมการบริหารของพรรค หากมีการตัดสิทธิพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ได้อภิปรายในสภา หมายความว่า เราจะเอาเรื่องเหล่านั้นมาอภิปรายนอกสภาแทน อาจมีบางเรื่องส่งต่อได้ แต่เรื่องบางเรื่องก็เป็นควาบลับ จะมาส่งต่อกันใกล้ๆ ให้พูดแทนแล้วต้องเรียนรู้ใหม่ก็คงจะลำบาก

เมื่อถามถึงขุนพลที่จะอภิปราย นายธนาธร กล่าวว่า ทั้ง 16 คน หลายคนน่าจะเดาได้ อย่างนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเป็นหนึ่งในผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ของพรรคอนาคตใหม่ เมื่อถามว่า มีหลักฐานใดที่เป็นหมัดเด็ดในการเปิดแผลรัฐบาลหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เน้นเรื่องการใช้สำนวนโวหาร แต่จะใช้หลักฐานเอกสาร กฎนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งหลายกรณีเป็นกรณีใหม่ ที่สังคมไม่รับรู้มาก่อน บางกรณีเป็นกรณีเก่า แต่เราจะเจาะให้ลึกขึ้น

“กลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือกลไกลที่หนักแน่นที่สุดที่ฝ่ายค้านมี ที่จะบอกว่า เราเห็นควรว่ารัฐบาลไม่เหมาะสมที่จะบริหารประเทสต่อไป ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจใช้กลไกนี้แล้ว เราต้องทำอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีให้สมกับการใช้ เพราะฉะนั้น การอภิปรายของเราต้องตั้งกับคุณภาพเป็นหลัก”

เมื่อถามถึง กรณีของ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค นายธนาธร กล่าวว่า ตนเพิ่งจะได้คุยกับ พล.ท.พงศกร ซึ่งได้ยืนยันด้วยวาจา เรื่องการลาออกมาแล้ว ในส่วนของเอกสารคาดว่าการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งหน้าจะมีการนำเอกสารมาแจ้ง