นักวิทย์จีนชี้ “โควิด-19” ถึงจุดสูงสุดการระบาดตั้งแต่ 1 ก.พ. เตือนการแพร่เชื้ออาจฟื้นกลับมาได้

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์บิสสิเนท อินไซเดอร์ของสหรัฐรายงานว่า แม้เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ภายใต้ชื่อ “โควิด-19” จะทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 75,000 หมื่นคนและเสียชีวิตกว่า 2,000 คน แต่นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ควบคุมโรคของจีน เปิดเผยว่า ล่าสุดจากการศึกษาคนไข้กว่า 72,000 ชี้ว่า “โควิด-19” ได้ก้าวถึงจุดสูงสุดของการระบาดมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว

โดยนักวิทยาศาสตร์จีนได้ได้ทำการตรวจสอบกรณีของไวรัสตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมถึง 11 กุมภาพันธ์ ผลการศึกษาของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยจำนวนมากที่สุดเริ่มแสดงอาการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นับตั้งแต่นั้นก็ไม่มีการเพิ่มของอาการป่วยครั้งใหม่อีก นี่อาจเป็นสัญญาณว่าการระบาดมาถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่ก็เตือนจีนต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือความเป็นไปได้ที่การระบาดอาจฟื้นตัวกลับมาอีก

งานศึกษายังเผยอีกว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุระหว่าง 30 และ 69 ปีในจังหวัดหูเป่ย โดยผู้ป่วยมากกว่า 80% ในประเทศจีนมีอาการไม่รุนแรงนักวิจัยพบว่าผู้ป่วยเหล่านั้นอาจมีอาการไอหรือมีอาการไอแห้ง ผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการรุนแรงกว่าจะมีอาการคล้ายปอดอักเสบ แต่มีกว่า 5% ที่อาการน่าเป็นห่วง ทั้งการหายใจล้มเหลว ช็อก หรือระบบอวัยวะภายในล้มเหลว ผู้ป่วยวิกฤติเพียงครึ่งเดียวเสียชีวิต

ไม่เพียงเท่านี้ จำนวนผู้ป่วยที่สำคัญในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ก็ลดลงเช่นกันตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดพบว่าประมาณ 45% ของผู้ป่วยในโรงพยาบาลมีความรุนแรงหรือรุนแรงและประมาณ 5% เสียชีวิต ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์มีผู้ป่วยน้อยกว่า 9% ที่มีอาการรุนแรงหรือร้ายแรงและมีเพียง 0.3% เท่านั้นที่เสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การระบาดอาจเลวร้ายหนักหากจีนไม่สั่งปิดเมือง ยกเลิกฉลองตรุษจีน เร่งก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่และขอให้ประชาชนในอู่ฮั่นสวมหน้ากาก

“การลงมือปฏิบัติอย่างเข้มข้นของรัฐบาลจีน ได้ชะลอการแพร่ระบาดของโรคในประเทศจีนและควบคุมการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลก” งานศึกษา ระบุ

ทั้งนี้ นักวิจัยกล่าวว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคจะลดลงในช่วงก่อนถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2020 แต่เราอาจเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาระบาดรอบใหม่ของ “โควิด-19” ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า