‘ส.ว.แต่งตั้งสมชาย’ ข้องใจ NGOดังทิ้งอุดมคติที่ดี ลงชื่อค้านยุบอนาคตใหม่

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ สมชาย แสวงการ แสดงความเห็นกรณีมีภาคประชาชนล่าชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า

ทันทีที่เห็น ช่อ พรรณิการ์อ้าปากขอบคุณขอบคุณอาจารย์ชาญวิทย์ ในฐานะผู้เริ่มแคมเปญ คัดค้านยุบอนาคตใหม่ และขอบคุณทุกรายชื่อที่มาร่วมแสดงพลัง พิสูจน์ว่าพรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิดโดยประชาชน มีประชาชนเป็นเจ้าของ”นั้นก็ต้องรีบตรวจดูรายชื่อในแพลทฟอร์ม Chang.org ที่เคยชื่นชมและร่วมลงชื่อสนับสนุนในบางกรณีพร้อมความแปลกใจอย่างน้อย2ประการ  และไม่แปลกใจ 2 ประการคือ

ประการที่1) แพลทฟอร์มที่เคยมีผลงานรณรงค์อย่างสร้างสรรค์ในหลายเรื่องให้สังคม อาทิการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือการช่วยเป็นปากเสียงแห่งการต่อสู้ให้ภาคประชาสังคม ได้กลายเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองแบบเลือกข้างๆคูๆได้อย่างไร  ได้แต่บอกว่าเศร้าใจและหมดสิ้นศรัทธาทันที

ประการที่2 คือเห็นพี่น้องเพื่อนพ้องเอ็นจีโอบางส่วนที่เชื่อว่าเคยมีบทบาทการร่วมต่อสู้กับภาคประชาชนอย่างไม่เอียงข้างไม่ฝักใฝ่การเมือง อาทิคนที่ต่อสู้เรื่องน้ำเรื่องป่าเรื่องประมง หรือแม้แต่คนที่ต่อสู้เรื่องสิทธิพลเมืองบางคนต่อสู้เรื่องสมานฉันท์ปรองดองบางคน แม้บางคนเคยเป็นกรรมการองค์กรอิสระเรื่องสิทธิมนุษยชนและคอป. เคยต่อสู้กับระบอบชั่วร้ายมานาน

กลับเข้าร่วมโยนอุดมคติใส่ลิ้นชัก เข้าชื่อกดดันเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่

เข้าทำนองพวกมากลากไปหรืออาจถูกตราหน้าว่าใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย

เพราะก่อนถึงบ่ายวันที่21ก.พ. 63 นั้น ไม่มีใครทราบได้หรอกครับว่าศาลรัฐธรรมนูญทั้ง9ท่านนั้นจะมีคำวินิจฉัยยุบหรือไม่ ซึ่งเราทุกคนควรจะใช้สิทธิพลเมืองอย่างมีคุณค่าเหมือนที่พวกคุณพร่ำสอนประชาชน แทนการล่ารายชื่อกดดัน

มองดูแล้วคลับคล้ายคลับคลากับตอนที่หลายคนหลงผิดชูกระแสช่วยนายทักษิณ ชินวัตรคดีโอนหุ้นให้ลูกที่ระดมโหมชูธงกระหน่ำความเห็นกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ยกความผิดนั้นให้นายทักษิณ หรือที่เรารู้จักคำพิพากษาบิดเบี้ยวนั้นว่า “บกพร่องโดยสุจริต”เป็นการปล่อยเสือเข้าป่าและลากไปสู่วิกฤติความขัดแย้งในชาติที่รุนแรงต่อเนื่องยาวนานมากว่า17ปี หลายคนที่ร่วมลงชื่อวันนี้ก็เคยเป็นกรรมการและอนุกรรมการในคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงและสร้างความปรองดอง (คอป)ที่เคยระบุสาเหตุวิกฤติความขัดแย้งในชาตินั้นเกิดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญคดีนั้น

วันนี้ท่านเหล่านั้นกลับกลืนน้ำลายและทำในสิ่งตรงข้ามและอาจสร้างปัญหาวิกฤติชาติอีกรอบได้อย่างไร

และไม่แปลกใจประการที่1) คือการที่เห็นบรรดาอาจารย์หัวหอกหัวหงอกหัวดำบางคน ในต้นขบวนล่ารายชื่อคราวนี้เพราะรู้เช่นเห็นชาติมานานแล้วว่า ท่านเหล่านั้นเป็น the man behind the seen ในการดันก้นคนหนุ่มสาวที่หลงเชื่อลัทธิไปลงถนนตายเจ็บแทนมาแล้วหลายครั้ง

วันนี้โผล่หน้าออกหน้ากันชัดเจนว่าใครเป็นใครก้อดีแล้ว เวลาเกิดวิกฤตจะได้ไม่ชี้ผิดตัว

ไม่แปลกใจประการที่2) คือการเดินเกมส์ของพรรคอนาคตใหม่ ก่อนถึงวันพิพากษาที่จะใช้มวลชนมวลสมาชิกและคผู้สนับสนุนทั้งหมดออกแรงกดดันคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งในคดีที่ผ่านมาทั้งคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธรและคดีล้มล้างการปกครองที่สื่อบิดเบือนเรียกคดีอินามิลูติ เพราะดูๆแล้ว พรรคนี้เก่งการสร้างกระแสทั้งในสังคมโซเชี่ยลและเก่งในกิจกรรมอีเวนท์ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองรุ่นพี่ในระบอบทักษิณและการขับเคลื่อนมวลชนแบบ นปชเพียงแต่เป็นคนละวัย จึงปลุกใจได้คนละแบบ

แต่เชื่อเถอะครับว่า หากเราช่วยกัน

#ให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย

ปล่อยให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ9ท่านทำหน้าที่ตรงไปตรงมา พิจารณาคดีทั้งข้อเท็จจริงแลข้อกฎหมายตามที่กกตร้องมาแล้ว

เราจะได้เห็นความยุติธรรมตรงไปตรงมาตามหลังนิติรัฐนิติธรรมแน่นอน

ผมจึงไม่เห็นด้วยต่อกลุ่มต่างๆที่ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ล่ารายชื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับที่เกิดในอดีตที่ทำในคดีทักษิณและแบบแกนนนำนปชหาบรายชื่อไปกดดันถวายฎีกา

หยุดเถอะครับอย่าเริ่มสร้างวิกฤตการเมืองอีกเลย

ให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย