เมื่อวันที่ 16 ก.พ. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความ โดยแชร์ข่าวกรณี พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยอมรับผ่านสื่อมวลชนว่ายังอยู่ในบ้านทหาร แม้จะเกษียณอายุมานานแล้ว โดยระบุว่า

“แย่พอกัน กองทัพต้องบังคับให้ย้ายออกทันที”

ด้าน นายอธึกกิต แสวงสุข หรือนามปากกา “ใบตองแห้ง”  คอลัมนิสต์การเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความระบุว่า กรณี พล.ท.พงศกรนี่ เสียหายมากนะครับ เพราะไม่ใช่แค่ยอมรับว่าเกษียณแล้วยังอยู่บ้านหลวง แต่แกยังพูดเหมือนกับว่า ใครๆ เขาก็ทำ และพยายามจะเสนอว่าให้อยู่ได้อีกสักสิบปี (ซึ่งอาจฟังดูดีสำหรับทหารประทวน แต่ไม่ใช่สำหรับนายพล และต้องถามว่าแล้วข้าราชการอื่นล่ะ เราจะปฏิรูปกองทัพเลิกอภิสิทธิ์ทหารไม่ใช่หรือ)

คือคนที่เสนอปฏิรูปกองทัพจะทำอย่างนี้ไม่ได้ พูดอย่างนี้ไม่ได้ (ถึงแม้ความรู้และไอเดียแกดีมาก) เพราะมันจะไม่พ้นวัฒนธรรม “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” (จริงๆ นะ ใครจะคิดว่านายพลเกษียณที่วิจารณ์กองทัพ ยังอยู่บ้านหลวงได้ มันยิ่งสะท้อนว่า วัฒนธรรมทหารถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน)

มันเป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ต้องไม่พูดอย่างทำอย่าง แล้วฝ่ายตรงข้ามก็จะเอาไปเย้ยหยัน เห็นไหม พวกเมริงก็ทำ เพื่อปกป้องการที่พวกมันสองมาตรฐานเต็มไปหมด

ถามว่ากระทบพรรคอนาคตใหม่ไหม กระทบสิครับ แม้อาจบอกได้ว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ เพราะเจอกันแค่ที่พรรค ไม่รู้ว่าแกยังอยู่บ้านพักทหาร แต่เมื่อรู้แล้วก็ต้องทำอะไรสักอย่าง โดยคุณพงศกรนั่นแหละ ควรจะแสดงออกเอง (ละไว้ให้คิดเอง ขั้นไหนอย่างไรควรประเมินเองว่าสังคมประชาธิปไตยจะยอมรับได้ไหม)

มองในภาพใหญ่ เรื่องรั่วๆ แบบนี้ก็เป็นปัญหาเดิมของพรรคอนาคตใหม่ คือตั้งพรรคแบบนักกิจกรรม รวบรวมคนในเวลาอันรวดเร็ว เอาความตั้งใจจะทำงานร่วมกัน ชื่อเสียง บทบาททางสังคม เป็นหลัก แล้วก็ไม่ได้สำรวจตัวเองหรือสำรวจกันเองว่า มีปัญหาอะไรที่จะเป็นประเด็นทางสังคมการเมือง เพราะถ้ารู้กันมาก่อนว่าแกยังอยู่บ้านหลวง (แล้วจะเป็นคนชูธงปฏิรูปกองทัพ) อย่างน้อยทันทีที่เล่นการเมืองก็ต้องย้ายออก

อนาคตใหม่ยังมีปัญหาต้องปรับอีกเยอะ แต่ข้ออ่อนนั้นไม่ใช่สาเหตุที่จะไม่ต่อต้าน “ตุลาการธิปไตย” ยุบพรรค พ้นการต่อสู้ยกนี้ไป ถ้ารอดยุบพรรค หลังปิดสภา คงมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ให้สังคายนากันครั้งใหญ่ (แต่ถ้ายุบพรรค สถานการณ์ต่อสู้ก็จะร้อนระอุจนประเด็นเหล่านี้ตกไป)