วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เซิ้น หยี่ซิน รองประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า มีบุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกส่งไปรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อุบัติการณ์ในเมืองอู่ฮั่นของจีนก่อนระบาดไปทั่วโลก ติดเชื้อระหว่างปฏิบัติหน้าที่แล้ว 1,716 คน และมีเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ 6 ราย ไม่เพียงเท่านี้ หน่วยงานและโรงพยาบาลต่างๆของจีนได้ประกาศย้ำหลายครั้งว่าขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกัน รวมถึงหน้ากากอนามัย ในขณะที่โรคระบาดยังคงอยู่ในมณฑลหูเป่ยและทั่วประเทศ

คกก.สุขภาพแห่งชาติจีนระบุว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสบนแผ่นดินใหญ่ในวันนี้เพิ่มอีก 5,090 รายและเสียชีวิตแล้ว 121 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมรวมกันอยู่ที่ 63,851 ราย โดยที่ยังไม่เห็นสัญญาณการถึงจุดสูงสุดของการระบาด

คกก.สุขภาพแห่งชาติจีนยังระบุว่า ในจำนวนผู้ป่วย 55,748 รายอยู่ในการดูแลรักษา แต่มีผู้ป่วยเสียชีวิตจากไวรัสในเมืองอู่ฮั่น 1,381 ราย

ด้านอดัมส์ คัมราดท์-สก๊อต ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดของศูนย์ศึกษาความมั่นคงระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ของออสเตรเลียกล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดไม่ได้สะท้อนตัวชี้วัดได้ว่าการระบาดถึงจุดสูงสุด หากยึดตามแนวโน้มที่มีการยืนยัน ชี้ได้ว่าทางการจีนทำอย่างเต็มที่ในการยับยั้งการแพร่ระบาด มาตรการขั้นเด็ดขาดที่พวกเขานำมาใช้จนถึงปัจจุบันนั้น ดูเหมือนจะน้อยเกินไปและสายเกินไปเสียแล้ว

ขณะที่ หน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก ยังคงออกตามหา “คนไข้หมายเลขศูนย์” ที่ระบุว่าเป็นพาหะได้เข้าร่วมประชุมบริษัทที่สิงคโปร์และได้แพร่เชื้อออกไปอีก 5 ประเทศ

นอกจากนี้ เดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษรายงานว่า นายแลรี่ คุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจีนต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่า เราค่อนข้างผิดหวังที่ไม่ได้รับเชิญและเราค่อนข้างผิดหวังกับการขาดความโปร่งใส่ที่มาจากจีน และยังกล่าวว่า ไม่รู้ว่าอะไรคือแรงจูงใจของพวกเขา ผมรู้แค่ว่าผู้คนจำนวนมากกำลังทรมานอยู่ที่นั่น กรมการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซื่อสัตย์ต่อเราจริงหรือไม่