กรณีเรือท่องเที่ยวที่จอดเทียบท่าในประเทศไทยมีการรายงานว่าไม่ได้เป็นการจอดตามตารางเดินเรือ ซึ่งไม่ตรงกับที่ทางการรายไทยงานว่าเรือเหล่านี้มีการเดินเรือตามตารางเดินเรือมาแวะพักที่ประเทศไทย

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดขนาดนั้น แต่เขามีตารางเดินเรืออยู่แล้ว มีการยืนยันเข้าเทียบเรือ มีรายชื่อผู้โดยสารและมีประวัติของผู้โดยสาร

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรฐานการเทียบเรือหากไม่มีจุดหมายมาที่ประเทศไทย เราจะห้ามจอดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราจะไม่กำหนดอะไรขนาดนั้น แต่โดยปกติ 1 ปี มีไม่เกิน 10 ลำ ที่มาสำแดงรายละเอียดเรือเพื่อขอจอดที่ท่า เพราะว่าการออกนอกเส้นทางของเรือเหล่านี้จะต้องใช้ต้นทุนมหาศาล จึงจะต้องมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการจอด เราจะไม่ให้จอดเลยก็ไม่ได้ จึงจะต้องฟังเหตุผลด้วย หากมีความจำเป็นที่ต้องให้ความสนับสนุนก็จะต้องทำตามหลักมนุษยธรรมสากล

“เรือลำนี้ มีแผนเดินทางมาที่ประเทศไทยอยู่แล้ว ไม่มีคำว่าโป๊ะแตกแน่นอน เราทราบความเคลื่อนไหวของเรือ และลูกเรือ ประเมินมาอย่างดีว่าเทียบท่าได้ กรมควบคุมโรคได้ทำการคัดกรอง ไม่ว่าจะเป็นเรือซีบอร์น โอเวชั่น (Seabourn Ovation) รวมถึงท่าเรือนี้เป็นท่าเรือเอกชนก็จะต้องมีมาตรการคันกรองผู้โดยสารทั้งหมดเพื่อรายงานไปยังกรมเจ้าท่า เพราะเป็นธุรกิจหากทำอะไรไม่ถูกต้องก็จะมีปัญหาเรือของใบอนุญาต” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีเรือเวสเตอร์ดัมที่พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ประเทศไทยจะต้องเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากมีการขอมาก็จะต้องไปช่วยเหลือ เท่าที่เราจะทำได้ แต่ตอนนี้ยังมีรายงานมา โดยหวังว่าทั้ง 20 คนที่มีอาการป่วยจะเป็นไข้หวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ไวรัสโคโรนา19

“แต่ถ้าเกิดมีจริงๆ เราก็จะต้องหาวิธีการช่วยเหลือตามควรแก่เหตุ หากมีคนไทยเกิดมีไข้หรือต้องการกลับบ้านเราจะต้องหาวิธีช่วยให้เขากลับมา” นายอนุทิน กล่าว