ปารีณา ลั่น! จะสู้ถึงที่สุด พ้อโดนหนักกว่าชาวบ้านคดีป่าไม้ ลั่นไม่ใช้เส้น รมต.ช่วย

ปารีณา / เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่รัฐสภา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความฟาร์มไก่ในพื้นที่อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มีสถานะเป็นป่าว่า ยังไม่ใช่การตัดสินของศาลฎีกา เป็นเพียงการตีความของกฤษฎีกา ยืนยันว่าจะสู้คดีจนถึงที่สุด และยืนยันว่าไม่ได้บุกรุกป่า 100 เปอร์เซ็นต์ และกฤษฎีกาเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาทางกฎหมายของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกันตนมีสิทธิที่จะโต้แย้งและต่อสู้กับกฤษฎีกา

เมื่อถามว่าในฐานะส.ส.ที่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หากจะขึ้นศาลในช่วงสมัยประชุมจะสละเอกสิทธิ์และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายหรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภา แล้วแต่ประธานจะว่าอย่างไร แต่ส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ยังไม่รู้จะถูกดำเนินคดีอะไรบ้าง เพราะป่าไม้และส.ป.ก.ยังไม่มีหนังสือส่งถึงให้ไปชี้แจง แต่ที่กฤษฎีการะบุว่า ทั้งป่าไม้ และส.ป.ก.สามารถดำเนินคดีกับตนได้ เป็นความเห็นของที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายรัฐบาล เพราะยังไม่ทราบว่า ทั้งส.ป.ก.และป่าไม้ใครจะเป็นคนดำเนินคดี ซึ่งก็เป็นเพียงคำแนะนำของกฤษฎีกาเท่านั้น

เมื่อถามว่าหากเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.และเจ้าหน้าที่ป่าไม้นัดนำชี้พื้นที่พร้อมไปหรือไม่นั้น น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตามที่อธิบดีกรมป่าไม้เคยชี้แจงไปก่อนหน้านี้ ว่าพื้นที่ 1,700 ไร่ อยู่ตรงไหนบ้าง อธิบดีก็บอกว่าไม่แน่ใจ แต่จะดูจากร่องรอยและก็เป็นสิทธิ์ของตน ไม่สามารถไปบีบบังคับได้

เมื่อถามว่าสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่ใช้เส้นสายของรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐไม่ดำเนินคดี น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ไม่มีเรื่องอย่างนั้นแน่นอน เพราะที่ผ่านมาทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่าเป็นคำกล่าวหาจากสังคม และสื่อมวลชนบางฝ่าย ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทุกคนก็เห็นว่าตนถูกปฏิบัติเกินกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ชาวบ้านประกาศให้ออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน แต่ตนถูกประกาศให้ออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน ตนถูกกระทำเยอะมาก หรือเพราะว่าตนชื่อปารีณาหรือไม่ ทุกคนจึงมาทำแบบนี้

“ส่วนที่จะดำเนินคดีเพิ่มเติมนั้น ยังไม่เห็นข้อกล่าวหาที่ชัดเจน ให้แจ้งข้อกล่าวหามาก่อน จากนี้จะปกป้องตัวเอง ถ้าใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด จะไม่ปล่อยให้มีการกระทำเหมือนที่ผ่านมา” น.ส.ปารีณากล่าว

ด้านนายทศพล เพ็งส้ม คณะทำงานกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เราพยายามตรวจสอบทุกพื้นที่ที่มีการออกพ.ร.ก.ปฏิรูปที่ดินว่ามีการดำเนินการของส.ป.ก.อย่างไร ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าใครจะเป็นคนแจ้งก่อน เพราะกฎหมายของกรมป่าไม้กับส.ป.ก. เวลาสู้คดีใช้คนละฉบับ และความเป็นจริงเรื่องไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว จึงต้องไปสอบผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเท่าที่สอบถามน.ส.ปารีณา ทราบว่า ส.ป.ก.ยังไม่ได้ไปดำเนินการสอบข้อเท็จจริง และเราได้ทราบจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ว่า มีอยู่ส่วนหนึ่งของการดำเนินการของส.ป.ก. ที่ระบุว่า เมื่อใดก็แล้วแต่ที่มีงบประมาณ หรือทำแผน ในที่นี้เราจึงต้องไปตรวจสอบว่า ที่ดินที่ประกาศกฤษฎีกาแล้วมีการยกเลิก และกลับมาประกาศใหม่ส.ป.ก.ได้มีการวางแผนอะไรหรือไม่ ซึ่งต้องไปดูว่าที่ดินที่ราชบุรีที่ส.ป.ก.ให้ดำเนินการ ได้มีการจัดสรรงบประมาณไปเมื่อไหร่

นายทศพล กล่าวอีกว่า ที่น่าสังเกตคือ บางคนที่ประกาศออกกฤษฎีกา จนถึงปัจจุบัน บางแปลงมีการออกโฉนดที่ดินไปแล้ว เราจึงมีข้อสงสัยว่า ทำไมบางแปลงออก บางแปลงไม่ออก ไม่ได้อยู่ในผืนเดียวกันหรือ อีกทั้งพบว่า เอกสารที่เกษตรอำเภอไม่มี หายหมด ดังนั้นเราสงสัยว่า ข้อเท็จจริงที่ส.ป.ก.และกรมป่าไม้ได้มานั้น ได้มาได้อย่างไร ในวันนี้ตนในฐานะทีมทนายที่ต่อสู้คดีให้น.ส.ปารีณา เรามีแนวคิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ข้อเท็จจริงปรากฎ และต่อสู้ทางคดี ไม่ใช่การตอบโต้ทางสังคม

เมื่อถามว่า ต้องต่อสู้ในประเด็นการถือครองด้วยหรือไม่ เพราะมีคนมองว่าการถือครองอาจจะไม่ชอบธรรม นายทศพล กล่าวว่า ในระเบียบของส.ป.ก. ถ้าระบุว่าได้มาโดยไม่ชอบ สมมติพ่อตาย แต่มีส.ป.ก. อยู่แล้วลูกไม่เอา มาขายให้น.ส.ปารีณา ก็ถือเป็นการส่งมอบ ซึ่งแต่ละแปลงก็ไม่เหมือนกัน และในหลายๆส่วนที่กฤษฎีกาตีความ มันก็น่าฉงนใจว่า ในบางข้อความระบุว่า ป่าไม้ไม่มีความรับผิด ป่าไม้ไม่มีอำนาจ แต่ในท้ายที่สุดของความเห็นของกฤษฎีกา ว่า ถ้ามีการบุกรุก ส.ป.ก. จะเป็นผู้เสียหาย ตนจึงบอกว่าถ้าสปก.ไม่มีอำนาจอยู่แล้ว จะมีอำนาจมาแจ้งความร้องทุกข์ น.ส.ปารีณาได้หรือ

เมื่อถามว่า ที่ไปหาพยานแวดล้อม ไม่ใช่การเอาประชาชนมาเป็นตัวประกันใช่หรือไม่ นายทศพล กล่าวว่า ประชาชนที่เราไปขอข้อมูล และเอกสาร แค่ถามว่าได้โฉนดมาได้อย่างไร ไม่ได้เป็นการเอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน เพียงแต่อยากได้ข้อเท็จจริง และอยากทราบการได้มาของโฉนด ส่วนการนำชี้พื้นที่นั้น วันนี้เจ้าหน้าก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ และนำคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมานำชี้ ซึ่งจะไม่มีการไปนำชี้พื้นที่ เพราะหากไปนำชี้พื้นที่ก็เท่ากับเป็นการรับสารภาพ