เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายนฤพล มิตรจันทร์ สามี นางอนงค์ มิตรจันทร์ แม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ หรือ “ผู้พันบี” ผู้บังคับกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา กล่าวว่า หากย้อนปมเหตุสังหารโหดครั้งนี้ พบว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา
ผู้ก่อเหตุเกิดความเครียดจากการกู้เงินเพื่อสร้างบ้าน ผ่านสวัสดิการของกองทัพบก แต่ไม่ได้รับเงินส่วนต่างที่เหลือจากการสร้างบ้าน และค่านายหน้าจากเจ้าของโครงการ

นายนฤพลกล่าวว่า นางอนงค์จัดทำโครงการจัดสรรที่ดินสร้างบ้านพักเพื่อขายให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมีนายหน้าเป็นตัวกลางทำหน้าที่ขายและจดจำนองให้ลูกค้า ซึ่งกรณีของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้กู้เงินสวัสดิการกองทัพบก หรือ อทบ.ที่นางอนงค์ ในฐานะผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจสร้างบ้านและขายที่ดิน ได้ดำเนินการช่วยเหลือ เพราะเห็นว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบุตรเขย มีปัญหาหนี้สิน ต้องการกู้เงินสวัสดิการ แต่ไม่มีหลักทรัพย์ จึงทำการกู้เงินจากนางอนงค์ ผ่านการซื้อที่ดินและสร้างบ้านนำไปเป็นหลักทรัพย์ ยื่นกู้วงเงิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งหลังจากขายโครงการได้ทั้งหมด และหลังจากจดจำนอง จะมีเงินส่วนต่าง 4 แสนบาท ที่นายหน้าจะต้องจ่ายคืนให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ จึงได้ส่งคืนให้แล้ว เหลืออีกแค่ 5 หมื่นบาทที่ยังค้างอยู่

“นางอนงค์ ได้ส่งมอบเงิน 5 หมื่นบาทให้นายพิทยา ที่เป็นนายหน้าเพื่อนำเงินไปส่งคืนให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ แต่คาดว่านายหน้าคงคืนเงินให้ไม่หมด ทำให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ทวงถามอยู่หลายครั้ง และคิดว่านางอนงค์ยังไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ จึงเป็นปมขัดแย้งสำคัญ ทำให้ต้องนัด จ.ส.อ.จักรพันธ์ และนายหน้า มาเจรจาที่บ้านพักหลังที่เกิดเหตุ แต่เจรจาตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดเหตุยิงกันขึ้น ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาของนายพิทยา ที่อาจนำเงินไปใช้จ่ายจนหมดแล้วไม่ยอมจ่ายให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ไม่เกี่ยวกับนางอนงค์ ขอยืนยันว่านางอนงค์ไม่ได้โกงแต่อย่างใด” นายนฤพลกล่าว

ด้านนางเอ (นามสมมุติ) คนใกล้ชิด จ.ส.อ.จักรพันธ์ เปิดเผยว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ได้มาปรึกษาปัญหาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ก่อนวันเกิดเหตุสังเกตเห็นว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์เครียด ชอบชกหน้าต่างบ้านตัวเอง กินเหล้าเมา ซึ่งสาเหตุที่ไปก่อเหตุเป็นเพราะเก็บกด เนื่องจากเครียดปัญหาที่นางอนงค์ยังไม่ให้เงิน 400,000 บาท และค่านายหน้า ที่ไปชักชวนเพื่อนมาเข้าโครงการอีก 50,000 บาท ซึ่ง จ.ส.อ.จักรพันธ์บอกว่าจะนำเงินไปจ่ายหนี้ ธ.ก.ส.ให้แม่ที่ จ.ชัยภูมิ เป็นเงิน 10,000 บาท แต่นางอนงค์ไม่ให้ อ้างว่าเงินอยู่กับลูกสาว (ภรรยา พ.อ.อนันต์ฐโรจน์) ซึ่งออกไปทำบุญที่วัดป่าศรัทธารวม ทำให้หลังจากก่อเหตุที่บ้าน พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ แล้ว จ.ส.อ.จักรพันธ์ จึงตามไปทวงเงินคืนที่วัดป่าศรัทธารวม

นางเอกล่าวว่า เมื่อไปถึงวัดป่าศรัทธารวม คาดว่าน่าจะไม่พบตัวลูกสาวนางอนงค์ เพราะหลังจากทำบุญเสร็จแล้ว ได้ออกไปรับประทานข้าวที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จึงยิ่งทำให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ บันดาลโทสะ ก่อเหตุยิงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ไปทั่วเสียชีวิตถึง 9 ราย แล้วขับรถตามไปที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ก่อเหตุที่นั่นอีก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ไม่ได้ตั้งใจ แต่ถูกผู้บังคับบัญชากดขี่ข่มเหงเรื่อยมา และ จ.ส.อ.จักรพันธ์ไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกโกง แต่มีนายทหารในค่ายถูกโกงกว่า 100 นาย

ทั้งนี้ โครงการกู้เงิน อทบ.เพื่อการเคหะสงเคราะห์สำหรับข้าราชการทหาร ที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เป็นโครงการที่มีมานานแล้ว ดำเนินการใน 2 รูปแบบคือ แบบแรกสร้างบ้านในที่ราชพัสดุบริเวณรอบค่ายทหาร ผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน แต่ไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ยกเว้นเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท โครงการนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมจำนวนมาก เนื่องจากราคาบ้านไม่แพงมากนัก เริ่มต้นที่ 3 แสนบาท ไปจนถึงหลักล้านต้นๆ

รูปแบบที่ 2 คือ การกู้ผ่าน อทบ. ของกองทัพบก ผู้กู้ผ่อนชำระกับสหกรณ์ทหาร สามารถกู้เพื่อซื้อที่เปล่าหรือบ้านจัดสรรกับเอกชนได้ ซึ่งรูปแบบนี้ ผู้กู้ตกลงกับเจ้าของโครงการว่าจะสร้างในวงเงินเท่าไร เพราะผู้กู้สามารถกู้ได้เต็มตามระดับชั้นยศ หากเป็นนายทหารยศจ่า จะกู้ได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท สอดคล้องกับข้อมูลของการกู้เงินของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ที่ระบุว่ากู้มา 1.5 ล้านบาท เป็นค่าสร้างบ้านประมาณ 1.1 ล้านบาท ทำให้มีเงินส่วนต่าง 4 แสนบาท และหากแนะนำผู้มาซื้อ ทางโครงการบ้านจัดสรรก็จะจัดโปรโมชั่น เช่น ให้ค่าแนะนำหลังละ 5 หมื่นบาท ที่เหลือจะเป็นเงินทอนสำหรับตกแต่งบ้าน

สำหรับบ้านของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ เป็น 1 ใน 10 หลังที่สร้างขึ้นโดยกู้เงินผ่านโครงการ อทบ. ตั้งอยู่ที่บ้านโป่งแมลงวัน หมู่ 5 ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา สร้างแล้วเสร็จได้ไม่นาน และจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ทราบว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ มักจะแวะเวียนมานอนที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งคราว โดยจะนอนในเต็นท์ภายห้องโถง เพราะยังไม่มีการต่อไฟฟ้าเข้าบ้าน