ศาลสั่งจำคุก ‘สมเกียรติ’ แกนนำพธม.คดีบุก NBT 2 ปี ไม่รอลงอาญา ‘เจ๊ปอง’ โดน 1 ปี

ศาลสั่งจำคุก “สมเกียรติ” เเกนนำ พธม.สั่งการบุก NBT 2 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนเจ๊ปองกับพวกอีก 4 คนโดนคนละ 1 ปี

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1033/2562 และอ.2299/2561 ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 5 คน รวม 2 สำนวนซึ่งศาลสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียก นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยในสำนวนแรกเป็นจำเลยที่ 1 และเรียกจำเลยที่ 1-4 ในสำนวนหลัง คือนางสาวอัญชะลี ไพรีรัก นายภูวดล ทรงประเสริฐ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ว่าจำเลยที่ 2-5 ตามลำดับ โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 25-26 ส.ค.51 จำเลยทั้งห้ากับพวก 85 คน ที่ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษแล้วในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4504/2553 ของศาลอาญากับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันกระทำความผิดเป็นซ่องโจรมั่วสุมก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยร่วมกันเดินขบวนในถนนสาธารณะจากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์และจากที่อื่น ๆ โดยมีอาวุธปืนมีด ขวาน ไม้กอล์ฟ ไม้ท่อน หนังสติ๊กลูกเหล็กแล้วร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณและอาคารสำนักงานสถานีเอ็นบีทีทุบทำลายประตูหน้าต่าง ตัดสายไฟฟ้าตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าระบบโทรศัพท์ระบบคอมพิวเตอร์ระบบกล้องวงจรปิดทำลายระบบส่งสัญญาณการออกอากาศวิทยุโทรทัศน์และร่วมกันข่มขืนใจพนักงานไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ออกอากาศและกระจายเสียงและสั่งให้ออกไปจากอาคารสถานีโดยจำเลยทั้ง 5 เป็นหัวหน้าและเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดอันเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรฐานร่วมกันทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฐานร่วมกันบุกรุกและฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210,215,309,358,364 เเละ 365 โดยจำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานตามที่คู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่าโจทก์มีพยานเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปดูแลรักษาความปลอดภัยหลายปาก ผู้อำนวยการและช่างภาพสถานีเอ็นบีทีเบิกความว่าก่อนเกิดเหตุกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมกันที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.51 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศว่าวันที่ 26 ส.ค.51จะบุกสถานที่ราชการหลายแห่งรวมทั้งสถานีเอ็นบีที ครั้นวันที่ 26 ส.ค.เวลา 05.00 น.มีกลุ่มนักรบศรีวิชัยการ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกรุกเข้าไปในอาคารสถานีเอ็นบีที เจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกุมได้ 85 คนหลังจากนั้นมีกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาที่หน้าประตูทางเข้าออกด้านหน้าสถานีจนเวลา 08.00 น. ผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่พร้อมรถยนต์บรรทุกติดเครื่องขยายเสียงเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่มาถึงสถานีเอ็นบีทีหลายคันผู้ชุมนุมบนรถดังกล่าวผลัดเปลี่ยนกันพูดโจมตีรัฐบาลและสถานีเอ็นบีทีว่าเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลต้องการยึดเอ็นบีทีให้จอดำ และเชื่อมต่อสัญญาณออกอากาศเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับไป พยานโจทก์ยืนยันว่าขณะนั้นอยู่ในลักษณะประจันหน้ากันที่ประตูรั้ว พยานเห็นจําเลยทั้ง 5 อยู่บนรถและมีพยานจำเสียงของจำเลยที่ 2 ได้โดยโจทก์มีภาพถ่ายเป็นพยานหลักฐานด้วย ต่อมากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพังประตูรั้วเหล็กฝ่าแนวกั้นของ เจ้าพนักงานตำรวจบุกรุกเข้าไปในบริเวณพื้นที่และอาคารสถานีจำเลยที่ 5 ประกาศต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจว่าผู้ชุมนุมเป็นกองทัพประชาชนผู้บัญชาการสั่งการให้มายึดเอ็นบีที ที่ให้เจ้าพนักงานตำรวจออกจากอาคารสถานีไปกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดพื้นที่สถานีและอาคารดังกล่าวจนถึงเวลา 17.00-18.00 น.นอกจากพยานในที่เกิดเหตุโจทก์ยังมีพยานเจ้าพนักงานตำรวจผู้ติดตามความเคลื่อนไหวการชุมนุมทางช่องเคเบิลทีวีเอเอสทีวีและผู้ถอดเทปคำปราศรัยบนเวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบุกยึดสถานีเอ็นบีที่สอดคล้องต้องกันพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 2 กลุ่มคือนักรบศรีวิชัยที่บุกรุกเข้าไปในอาคารสถานีดังกล่าวเวลา 05.00 น.และจำเลยทั้ง5กับพวกที่บุกรุกเข้าไปในอาคารสถานีดังกล่าวเวลา 08.00 น.มีเจตจำนงเดียวกันและกระทำการต่อเนื่องเชื่อมโยงกันเพื่อปฏิบัติภารกิจบุกยึดสถานีเอ็นบีทีให้บรรลุเป้าหมายที่แกนนำร่วมกันมีมติเป็นการร่วมกันกระทำความผิด ที่จำเลยที่1-4อ้างว่ามีผู้ชุมนุมดาวกระจายไปที่สถานีเอ็นบีทีเเล้วถูกจับกุมไป ยังมีผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งอยู่ที่หน้าสถานีเมื่อทราบข่าวจึงเคลื่อนขบวนติดตามไปภายหลังเพื่อนำมวลชนกลับมาที่สะพานมัฆวานรังสรรค์โดยไม่ได้เข้าไปในสถานีและจำเลยที่ 5 เป็นเพียงผู้ชุมนุมธรรมดาที่เดินทางไปร่วมชุมนุมไม่ได้พูดประกาศต่อเจ้าพนักงานตำรวจนั้นไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้จําเลยทั้ง 5 มีความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ฐานร่วมกันบุกรุก ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นส่วนความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 5 กับพวกและกลุ่มนักรบศรีวิชัยสมคบกันร่วมประชุมวางแผนกันแต่ไม่มีพยานหลักฐาน จึงลงโทษฐานนี้ไม่ได้ จำเลยที่ 1 เป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยร่วมสมคบคิดบุกยึดสถานีเอ็นบีที ขึ้นเวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ร่วมประกาศภารกิจและร่วมเดินทางไปด้วยในลักษณะกำกับดูแลเป็นหัวหน้าเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด แต่สำหรับจำเลยที่ 2-5 พยานหลักฐานยังไม่ชัดว่าเป็นหัวหน้าหรือมีหน้าที่สั่งการในการบุกยึด พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี จำคุกจำเลยที่ 2-5 คนละ 1 ปี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้จำเลยทั้งหมดก็อยู่ระหว่างการยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นอุทธรณ์คดี