‘อัจฉริยะ’ นำครอบครัวลุงเสี้ยวร้องศาล ขอที่ดินคืนจาก ‘นายทวี ไกรคุปต์’

อัจฉริยะพร้อมทนายความนำครอบครัวลุงเสี้ยวร้องศาลขอที่ดินคืนจากนายทวี ไกรคุปต์

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมทนายความได้นำพาครอบครัวของนายเสี้ยว ร้องต่อศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อขอที่ดินคืนจากนายทวี ไกรคุปต์ ที่เข้าปักเสาปูน และปลูกไม้ยืนต้นรุกเข้าไป 23 ไร่

วันที่ 12 ก.พ. 63 ที่ศาลจังหวัดราชบุรี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนายอุทัย สุวรรณนึก ทนายความ ได้นำนายเสี้ยว นำพา อายุ 75 ปี พร้อมด้วย นางสาวปราณี นำพา และนางสาวอำไพ นำพา บุตรสาว เดินทางมาร้องต่อศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อยื่นเรื่องต่อศาลขอพื้นที่ทำกินคืน จากกรณีที่ นายทวี ไกรคุปต์ บิดา ของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เข้าไปล้อมรั้วปักเสาปูน พร้อมนำต้นไม้ยืนต้น มะพร้าว ไปปลูกในที่ดินของตนเองถือครองทำกินอยู่ บริเวณบ้านหนองมะค่า หมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นายอุทัย สุวรรณนึก ทนายความของลุงเสี้ยว กล่าวว่า วันนี้เป็นทนายความของนางสาวปราณี และนางสาวอำไพ ได้มายื่นฟ้องนายทวี ไกรคุปต์ เรื่องฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายเรียกคืนพื้นที่ดินทำกิน ตามที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ วันนี้จะมาดำเนินการฟ้องให้กับทั้งสองคน เนื่องจากนายทวีได้นำต้นมะพร้าวประมาณกว่า 500 ต้นมาปลูกในที่ดิน มาล้อมรั้วลวดหนาม มีการปักเสาปูนไว้ประมาณ 212 ต้น เนื้อที่ที่ถูกบุกรุกประมาณ 23 ไร่ 4 ตารางวา ในข้อหาฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย แต่อยากได้ที่ดินคืน เพราะที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินของรัฐ ดังนั้นระหว่างดำเนินคดีแพ่งถือว่าเรามีสิทธิใช้สอยได้ เราก็มีสิทธิสามารถฟ้องดำเนินคดีได้ และไม่น่าจะมีปัญหา โดยที่ดินแปลงนี้ทางกรมป่าไม้ได้ตรวจสอบแล้วว่า ทางนางสาวปราณี และนางสาวอำไพ ที่ดินทั้ง 2 แปลงอยู่ในโครงการถือครองการจัดการที่ดินเพื่อการจัดการที่ดินตามนโยบายของรัฐปี 2559 ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า วันนี้มาฟ้องนายทวี ไกรคุปต์ ให้กับครอบครัวของลุงเสี้ยว นำพา ซึ่งถ้ารอพนักงานสอบสวนก็จะช้า เราจึงมาฟ้องศาลเอง ขณะนี้จะฟ้องขับไล่ก่อน เนื่องจากที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินของรัฐ ดังนั้นตามกฎหมายถือว่าไม่ใช่เป็นที่ดินเอกชน แต่อยู่ในความครอบครองของเอกชน ทำให้ต้องฟ้องขับไล่ หลังจากที่ศาลได้ขับไล่ออกจากพื้นที่แล้วถ้าเขายังไม่ออก ทีนี้จะเป็นอาญาคือสามารถฟ้องข้อหาบุกรุกได้ ความผิดได้เข้าไปปักรั้วและไปปลูกต้นมะพร้าวตามเอกสารสิทธิ์ที่กรมป่าไม้เข้าไปรังวัดแล้วว่ามีการพิสูจน์แล้วว่ามีการบุกรุกจริง แต่เขายังดื้อดึงไม่ยอมออกจากพื้นที่ ทำให้ลูกสาวลุงเสี้ยวทั้ง 2 คนได้รับความเสียหาย จึงต้องมาศาลให้ศาลเป็นผู้ตัดสินให้มีการฟ้องขับไล่ออกจากพื้นที่ ส่วนนางปราณี นำพา ลูกสาวลุงเสี้ยว กล่าวว่า ได้มีการเข้ามาปลูกต้นมะพร้าวเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2562 และวันที่ 9 ก.ค. ได้มาล้อมรั้วเสาปูน ก่อนหน้านี้พื้นที่ตรงนี้ได้ทำการปลูกอ้อย ทำกินมาตลอดตั้งแต่ปี 2517 โดยพื้นที่ตรงนี้เป็นของตนเองและน้องสาว เป็นของกรมป่าไม้ ได้ทำประโยชน์ใช้สอยมานานแล้ว โดยเขาบอกว่ามีสิทธิ์ที่จะใช้พื้นที่ตรงนี้ ตอนนี้จึงได้แจ้งความและร้องทุกข์อยู่ที่กรมป่าไม้อยู่ ปัจจุบันยังไม่มีการรื้อถอนออกไปแต่อย่างใด มีความต้องการให้ผู้ที่บุกรุกถอนรั้วและถอนต้นไม้ออกจากพื้นที่นี้ไป โดยหลังที่ให้สัมภาษณ์แล้วทางประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมทนายความได้พาครอบครัวลุงเสี้ยวเดินทางเข้าไปที่ศาล เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป